“ฟอร์ด” จ่อยกเลิกรถยนต์หลายรุ่นในสหรัฐ มุ่งเป้า “รถสปอร์ต-รถบรรทุก” เพื่อเพิ่มกำไรให้ตามเป้า

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ค่ายรถยนต์รายใหญ่ระดับโลก เตรียมลดการการผลิตรถยนต์ซีดาน รวมถึงรถเก๋งหลายรุ่น อาทิ ford Fusion เเละ ford Taurus เพื่อมุ่งเป้าไปที่รถรุ่นอื่นเพื่อลดยอดลงกว่า 11.5 พันล้าน จากเเผนการเพิ่มกำไรอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 25.5 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2022

Bob Shanks ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ ว่า เนื่องจากฟอร์ดรายงานว่ากำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกและรายได้ที่ประเมินได้เป็นไปตามคาด ขณะนี้บริษัท คาดการณ์ว่าจะสามารถทำกำไรได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 ซึ่งเป็นเวลาสองปีก่อนกำหนด

ขณะที่ “Jim Hackett” ซีอีโอฟอร์ด ได้โน้มน้าวนักลงทุนในเรื่องการกำจัดรถที่ขายออกช้า เเละทำให้มีกำไรต่ำ ซึ่งจะมีการหันความสนใจของนักลงทุนให้มุ่งไปที่การปรับผังของบริษัท เน้นรถสปอร์ต เเละรถบรรทุกที่สามารถทำกำไรได้มากขึ้น

ซีอีโอฟอร์ด กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สำหรับกำไรของฟอร์ดในปีนี้นั้น ภูมิภาคเอเชียเเปซิฟิกอาจจะสูญเสียกำไรในไตรมาส 2 เเต่จะสามารถกลับมาทำกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งบริษัทกำลังวางเเผนที่จะทบทวนกลยุทธ์สำหรับอเมริกาใต้

หุ้นฟอร์ดเพิ่มขึ้น 3.2 เปอร์เซ็นต์ หลังปิดการซื้อขายปกติ ก่อนที่จะมีการรายงานกำไรหุ้นได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 11 ในปีนี้

อดัม โจนัส นักวิเคราะห์จากมอร์แกนสแตนลีย์ กล่าว่า ความเชื่อมั่นตอนนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก การหารือกับนักลงทุนแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการมองเห็นรายได้ของฟอร์ดและวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์

ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ กล่าวกับนักลงทุน ว่า วัตถุดิบที่มีราคาแพงเช่นเหล็กและอลูมิเนียมจะส่งผลให้กำไรลดลงในปีนี้

ทั้งนี้ ฟอร์ด กล่าวว่า จะไม่มีการลงทุนต่อในรถเก๋งรุ่นใหม่ ในตลาดอเมริกาเหนือ โดยจะลดอัตราการผลิตรถยนต์ลง โดยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 ฟอร์ดจะมุ่งไปที่การผลิตรถปิกอัพ SUV เเละรถที่ใช้ในการพาณิชย์ นั่นหมายความว่า รถที่มียอดขายต่ำนั้นจะหายไป อาทิ ford Taurus, ford Fusion และ ford Fiesta

เจสสิก้า คาสด์เวล นักวิเคราะห์ของ Edmunds.com กล่าวในอีเมลว่า ฟอร์ดอาจต้องการเพียงรถ SUV เเละรถบรรทุก เเต่การกระทำเเบบนี้ไม่ใช่ความเสี่ยง เพราะฟอร์ดยอมเสียส่วนเเบ่งทางการตลาด

อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวของฟอร์ด ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนโดยตรง ซึ่งมีความกังวลในเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเม็ดเงินที่จะสูญเสีย หากฟอร์ดยกเลิกการผลิตรถ รวมถึงความพยายามในการปรับโครงสร้างอีกด้วย