เฟดตรึงดอกเบี้ยรอขยับรอบหน้า ส่งซิก “เงินเฟ้อ” ใกล้เป้า

REUTERS/Aaron P. Bernstein

ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม มีมติเอกฉันท์ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมคือระหว่าง 1.5-1.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวในระดับปานกลาง ส่วนการจะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในอนาคตขึ้นกับข้อมูลที่เข้ามา อย่างไรก็ตาม เฟดได้ปรับเปลี่ยนถ้อยความในแถลงการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยแสดงความคาดหมายว่าเงินเฟ้อในอนาคตจะขยับขึ้นใกล้เป้าหมายของเฟด โดยเฟดใช้คำว่า “เงินเฟ้อเข้าใกล้ 2%” ซึ่งต่างจากเดือนมีนาคมที่ระบุว่าเงินเฟ้อยังคง “ต่ำกว่า 2%” อันเป็นถ้อยคำที่นักลงทุนจับมาเป็นประเด็นสำคัญ

การอัพเกรดมุมมองเงินเฟ้อดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงหลักไมล์สำคัญหลังจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายมานาน 6 ปี แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจหลัก ๆ จะฟื้นตัวดีจากภาวะถดถอยเมื่อปี 2007-2009 ทำให้ตลาดคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าคือกลางเดือนมิถุนายน โดยปัจจุบันเฟดยังคงคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้

สตีเฟน สแตนลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แอมเฮิรสต์ เพียร์พอยต์ ซีเคียวริตี้ ระบุว่า เมื่อดูจากถ้อยความเรื่องเงินเฟ้อของเฟด เชื่อว่าเดือนมิถุนายนจะมีการขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงระหว่างนี้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน

แม้ว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกจะเติบโตเพียง 2.3% เมื่อเทียบปีต่อปี และต่ำกว่า 3 ไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเติบโตเฉลี่ยเกิน 3% ตลอดจนอัตราการจ้างงานเดือนมีนาคมชะลอลง แต่เฟดก็มั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจระยะข้างหน้าจะน่าพอใจ โดยระบุว่าการลงทุนของภาคธุรกิจจะยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากถ้อยคำที่ว่าความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจมีความ “สมดุล” ต่างจากก่อนหน้าซึ่งใช้คำว่า “มีความเสี่ยงระยะสั้น” ประกอบกับเชื่อว่าหลายเดือนข้างหน้าอัตราการมีงานทำจะสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการลดภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งการกระตุ้นผ่านมาตรการการคลัง

ปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวยาวนานที่สุดเป็นครั้งที่สองนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 อัตราว่างงานเพียง 4.1% ต่ำที่สุดใน 17 ปี อันเป็นสัญญาณว่าค่าจ้างจะปรับสูงขึ้น เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ยืนยันที่จะยึดมั่นการดำเนินนโยบายการเงินทางสายกลาง โดยจะค่อย ๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวแข็งแกร่งเพราะยังไม่กระตุ้นให้เงินเฟ้อเร่งตัวมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของเฟดไม่ได้เอ่ยถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจที่เกิดจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน

หลังจากทราบผลประชุมเฟด ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมีแรงเทขายในช่วงท้ายตลาด ทำให้ร่วงลง 174 จุด หรือ 0.72% แม้ว่าผลประกอบการบริษัทแอปเปิลจะปรับขึ้น 4.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดก็ตาม โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าตลาดเผชิญความสับสนระหว่างข่าวด้านบวกและลบ เพราะแม้ผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐจะออกมาดี แต่ก็ถูกหักล้างด้วยข่าวด้านลบอย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งตึงเครียดขึ้นทุกขณะ นอกจากนี้เฟดก็ส่งสัญญาณว่าถึงอย่างไรก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไป

ส่วนดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับ6 สกุลหลักปรับลงเล็กน้อยไปอยู่ที่ 92.645 หลังทราบผลประชุมเฟด ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมายืนที่ 92.834 แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างยุโรป จึงทำให้ดอลลาร์ยังคงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

ก่อนหน้าการประชุมครั้งนี้มีนักวิเคราะห์ถึง 47% เชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งปีนี้ รวมเป็น 4 ครั้ง แต่ในเมื่อครั้งนี้เฟดไม่มีการขยับดอกเบี้ย จึงทำให้เสียงส่วนใหญ่เทน้ำหนักไปว่า คงจะมีการขึ้นเพียง 3 ครั้งเช่นเดิมตลอดปี พร้อมกันนั้นยังคงจับตาดูตัวเลขจ้างงานในเดือนเมษายนเพื่อหาตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจะยังแข็งแกร่งและสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อหรือไม่