“โนเกีย” ประกาศซื้อ “SpaceTime Insight” ผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์สหรัฐ หวังขยายกิจการ

REUTERS/Yves Herman/File Photo

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานในวันจันทร์ ว่า โนเกีย บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่สัญชาติฟินแลนด์ประกาศซื้อกิจการผู้ผลิตซอฟต์แวร์ SpaceTime Insight ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีลูกค้าใช้ในอุตสาหกรรมการจัดอุปกรณ์ เเละทรัพย์สินนับล้านๆเครื่องทั่วทั้งเครือข่าย เเสดงให้เห็นว่าโนเกียต้องการขยายกิจการที่นอกจากเหนือธุรกิจโทรคมนาคม

สำหรับ SpaceTime Insight เป็นบริษัผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ทำหน้าที่ตรวจสอบเเละวิเคราะห์แอพพลิเคชั่นให้กับลูกค้า ในด้านพลังงานการขนส่ง เเละสาธารณูปโภค เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยโนเกีย กล่าวว่า ลูกค้ารายใหญ่ของ SpaceTime ได้แก่ FedEx (FDX.N), บริษัท ยูเนี่ยนแปซิฟิค (Union Pacific) ของสหรัฐอเมริกา และ Enterty (ETR.N) รวมถึง NextEra Energy (NEE.N) และ Singapore Power

สำหรับการเข้าซื้อกิจการของโนเกียนั้น รายงานเปิดเผยว่า SpaceTime Insight เเละผู้บริหารระดับสูงของบริษัท “Rob Schilling” จะเข้าร่วม Internet of Things (IoT) ในกลุ่มธุรกิจ โนเกีย ซอฟต์แวร์ ซึ่งจากข้อมูลของ Crunchbase บริษัทได้ระดมเงินทุนจากภาคเอกชนประมาณ 50 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม โนเกียได้เข้าซื้อธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลางมาเเล้ว นับเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การสร้างธุรกิจซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัทมากกว่าผลิตภัณฑ์ฮาร์ดเเวร์สำหรับการสื่อสาร

Bhaskar Gorti ประธานบริษัทโนเกียซอฟต์แวร์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัทพ์ว่า ตามความเป็นจริงเเล้วนั้น บริษัทส่วนใหญ่สร้างงานซอฟต์เเวร์เพื่อที่จะได้จำหน่ายอุปกรณ์ระบบเครือข่ายมากขึ้น

“ยอดขายนอกตลาดโทรคมนาคมหลักของบริษัทมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ผูกสัญญาติดกับอุปกรณ์โทรคมนาคมของโนเกีย” Gorti กล่าว

โนเกีย ซอฟต์แวร์ เดิมชื่อ Applications & Analytics เมื่อสามเดือนก่อนได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “โนเกีย ซอฟต์เเวร์” เพื่อสะท้อนให้เห็นความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจสายหลัก ทั้งยังสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปี 2017 กว่า 1.6 พันล้านยูโร

โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทุ่มงบไปกว่า 370 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ Comptel ซึ่งเป็นธุรกิจที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ประกอบการเครือข่ายโทรคมนาคม โนเกียได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 2 ของซัพพลายเออร์ด้านซอฟต์แวร์โทรคมนาคมโดยมีส่วนแบ่งตลาด 10 เปอร์เซ็นต์ในตลาด ตามข้อมูลจากกลุ่มอุตสาหกรรมวิจัย Analysys Mason ปี 2016