
เปิด (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมผู้นำ 90 ประเทศทั่วโลกในการประชุมสันติภาพยูเครนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตำหนิรัสเซียที่ก่อความทุกข์ทรมานและการทำลายล้าง เผยวิสัยทัศน์ร่วม 3 ด้านที่จะดำเนินการร่วมกันต่อไป
วันที่ 16 มิถุนายน 2024 รอยเตอร์ (Reuters) เผยแพร่ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมสันติภาพยูเครน (Summit onPeace in Ukraine) ซึ่งจัดการประชุมในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2024 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งรอยเตอร์ระบุว่า รอยเตอร์เห็นและได้รับร่างแถลงการณ์มาในวันที่ 15 มิถุนายน
แถลงการณ์ดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการตำหนิรัสเซียที่รุกรานยูเครน ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานและการทำลายล้างในวงกว้าง อีกทั้งในแถลงการณ์ได้ประกาศวิสัยทัศน์ร่วมกัน 3 ด้านที่จะดำเนินการร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ การประชุมสันติภาพยูเครนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีผู้นำจากกว่า 90 ประเทศเข้าร่วมการประชุม ส่วนหนึ่งเป็นชาติสมาชิก G7 หรือกลุ่ม 7 ประเทศ กลุ่ม 7 ประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลก ซึ่งเพิ่งสิ้นสุดการประชุมสุดยอด G7 (G7 Summit 2024) ที่ประเทศอิตาลีในวันที่ 15 มิถุนายน
ร่างแถลงการณ์ฉบับเต็มมีเนื้อหาดังนี้
“แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับกรอบสันติภาพสวิตเซอร์แลนด์
15-16 มิถุนายน 2024
“สงครามที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องของสหพันธรัฐรัสเซียกับยูเครนยังคงก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน และการทำลายล้างของมนุษย์ในวงกว้าง และก่อให้เกิดความเสี่ยงและวิกฤตที่ส่งผลกระทบทั่วโลกต่อโลก เรารวมตัวกันที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2024 เพื่อยกระดับการเจรจาระดับสูงเกี่ยวกับเส้นทางสู่สันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืนสำหรับยูเครน เราได้ย้ำข้อมติ A/RES/ES-11/1 และ A/RES/ES-11/6 ที่ได้รับอนุมัติจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติด้วย
“การประชุมสุดยอดนี้เกิดขึ้นจากการอภิปรายครั้งก่อน ๆ ที่เกิดขึ้นตามสูตรสันติภาพยูเครน และข้อเสนอสันติภาพอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ
“เราซาบซึ้งในการต้อนรับของสวิตเซอร์แลนด์และความริเริ่มในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดระดับสูง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
“เรามีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ อย่างเห็นผล ครอบคลุม และสร้างสรรค์ เกี่ยวกับแนวทางสู่กรอบสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืน ตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรายืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะหยุดยั้งภัยคุกคาม หรือใช้กำลังต่อต้านบูรณภาพแห่งดินแดน หรือเอกราชทางการเมืองของรัฐใด ๆ ยืนยันอีกครั้งถึงหลักการแห่งอธิปไตย ความเป็นอิสระ และบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกรัฐ รวมทั้งยูเครน ภายในเขตแดนที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงน่านน้ำอาณาเขต และการระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
“นอกจากนี้ เรายังมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในประเด็นสำคัญต่อไปนี้ :
“1) ประการแรก การใช้พลังงานนิวเคลียร์และโรงงานนิวเคลียร์จะต้องปลอดภัย มั่นคง มีการพิทักษ์ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์และโรงงานนิวเคลียร์ของยูเครน รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชีย (Zaporizhzhia) จะต้องดำเนินการอย่างปลอดภัยภายใต้อำนาจอธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบของยูเครน และสอดคล้องกับหลักการและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA)
“การคุกคามหรือการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในบริบทของสงครามที่กำลังดำเนินอยู่กับยูเครนนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“2) ประการที่สอง ความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกนั้นต้องพึ่งพาการผลิตและการจัดหาผลิตภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องนี้ การเดินเรือพาณิชย์อย่างเสรี เต็มรูปแบบ และปลอดภัย ตลอดจนการเข้าถึงท่าเรือในทะเลดำและทะเลอาซอฟถือเป็นสิ่งสำคัญ การโจมตีผู้ค้า เรือที่จอดเทียบท่าเรือและตลอดเส้นทางเดินเรือ ตลอดจนการโจมตีท่าเรือพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือพลเรือนนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“ความมั่นคงทางอาหารจะต้องไม่ถูกใช้เป็นอาวุธไม่ว่าจะทางใดก็ตาม สินค้าเกษตรของยูเครนควรได้รับการจัดส่งให้แก่ประเทศที่สามที่สนใจอย่างปลอดภัยและเสรี
“3) ประการที่สาม เชลยศึกทุกคนจะต้องได้รับการปล่อยตัวโดยการแลกเปลี่ยนอย่างสมบูรณ์ เด็กชาวยูเครนที่ถูกเนรเทศและบังคับให้พลัดถิ่นอย่างผิดกฎหมายทั้งหมด และพลเรือนชาวยูเครนทั้งหมดที่ถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายจะต้องถูกส่งกลับสู่ยูเครน
“เราเชื่อว่าการบรรลุสันติภาพต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและการพูดคุยระหว่างทุกฝ่าย ดังนั้น เราจึงตัดสินใจที่จะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตในด้านที่กล่าวมาข้างต้น ด้วยการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นของตัวแทนจากทุกฝ่าย
“กฎบัตรสหประชาชาติ รวมถึงหลักการเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของทุกรัฐ สามารถและจะทำหน้าที่เป็นพื้นฐานในการบรรลุสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืนในยูเครน”

นอกจากนั้น ข่าวอีกชิ้นหนึ่งของรอยเตอร์ที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน รายงานว่า โวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskyy) ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า การเข้าร่วมการประชุมของนานาประเทศในครั้งนี้เป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์โลกฉบับใหม่
ด้าน กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) รองประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีให้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้กล่าวว่า สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือด้านพลังงานและมนุษยธรรมมูลค่ากว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 55,035 ล้านบาท) แก่ยูเครน เพื่อบูรณะโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนซึ่งโดนรัสเซียโจมตีมาตั้งแต่ปี 2022
ส่วน เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า การยุติความขัดแย้งด้วยการที่ยังมีกองกำลังทหารต่างชาติในยูเครนนั้น ไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นสูตรสำเร็จสำหรับการรุกรานในอนาคต
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเพิ่มเติมว่า การประชุมนี้ไม่มีผู้นำหรือผู้แทนจากประเทศจีน แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน หวัง อี้ (Wang Yi) สมาชิกกรมการเมือง ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศประจําพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวในการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่ม BRICS (บริกส์) ที่เมืองนิจนีนอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนบนพื้นฐาน “การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันจากทุกฝ่าย และการอภิปรายเกี่ยวกับข้อเสนอสันติภาพทั้งหมดอย่างยุติธรรม” จะได้รับการสนับสนุนจากจีน