เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ประณาม รัฐบาลรัสเซีย กับการเปิดใช้สะพานเชื่อมตอนใต้ของรัสเซียเข้ากับคาบสมุทรไครเมีย โดยระบุว่าเป็นความพยายามทำให้การยึดครองดินแดนยูเครนอันผิดกฎหมายของรัสเซียมีน้ำหนักมากขึ้น
“การสร้างสะพานของรัสเซียแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ยังมีอย่างต่อเนื่องของรัสเซียในการไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ” ฮีเธอร์ นูเอิร์ต โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริการะบุผ่านแถลงการณ์ พร้อมทั้งยืนยันว่า ไครเมีย นั้นเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน และว่าการสร้างสะพานดังกล่าวมีขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลยูเครน พร้อมทั้งยืนยันว่าการคว่ำบาตรอันเกี่ยวข้องกับการยึดครองไครเมียที่สหรัฐมีต่อรัสเซียจะยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่ารัสเซียจะคืนไครเมียให้กับยูเครน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
รายงานระบุว่าก่อนหน้านี้ยูเครน ได้กล่าวประณามการสร้างสะพานดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการปิดทางเข้าออกของเรือสินค้าขนาดใหญ่และ ยังคงยืนยันการต่อต้านการยึดครองไครเมียของรัสเซีย ด้านสหภาพยุโรป กล่าวประณามรัสเซียเช่นกันโดยวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการโจมตีบูรณภาพทางเขตแดนของยูเครน
ท่าทีของชาติตะวันตกมีขึ้นหลังนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ร่วมพิธีเปิดสะพานอย่างเป็นทางการด้วยการ ขับรถบรรทุกข้ามสะพานช่องแคบเคิร์ช สะพานที่เชื่อมคาบสมุทรทามัน ตอนใต้ของรัสเซีย เข้ากับคาบสมุทรไครเมีย ที่รัสเซีย ยึดจากยูเครนเมื่อปี 2014 ด้านสื่อท้องถิ่นของรัสเซียรายงานว่าสะพานข้ามช่องแคบเคิร์ช ซึ่งเป็นสะพานที่ทำสถิติยาวที่สุดในยุโรป เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวไครเมียลงประชามติเพื่ออยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลรัสเซีย
ทั้งนี้สะพานดังกล่าวสามารถรองรับรถยนต์ได้พร้อมกัน 40,000 คัน พร้อมด้วยรถไฟ 48 คู่ขบวน/วัน รองรับการเดินทางของผู้โดยสาร 14 ล้านคน ขนสินค้า 13 ล้านตัน/ปี เสารองรับสะพานแต่ละต้นลึก 90 เมตร ใช้เหล็กต้นละ 400 ตัน โดยทุกๆ เสารวมกันใช้เหล็กเทียบเท่ากับการสร้างหอถึงไอเฟล 32 หอ
ที่มา มติชนออนไลน์
