
โบอิ้ง ตกลงรับสารภาพผิด คำถามคือลงโทษอย่างไรเมื่อโบอิ้งคือบริษัทที่ห้ามล้ม (Too big to fail) และครอบครัวเหยื่อบอกว่า ปราณีโทษเกินไป จากวิกฤตความปลอดภัยสายการบินยักษ์ใหญ่อเมริกาในเหตุเครื่องบินตกคร่า 346 ศพ
วันที่ 10 กรกฎาคม 2024 บีบีซีรายงานบทวิเคราะห์ถึงบทลงโทษที่เหมาะสมสำหรับบริษัทใหญ่ที่รัฐไม่มีวันให้ล้มอย่างโบอิ้ง (Too big to fail) โบอิ้งเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่และสำคัญที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่มันก็ใหญ่เกินไปจนไม่สามารถนำมาลงโทษได้ใช่หรือไม่
โบอิ้งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์หลัก 2 แห่งของโลก และติดอันดับท็อป 5 ผู้รับเหมาด้านกลาโหมของสหรัฐ จ้างงานมากกว่า 170,000 คนทั่วโลก รวมถึง 150,000 คนในสหรัฐ และสร้างรายได้เกือบ 2.8 ล้านล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นสัดส่วนรายได้สำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
แต่การทำหน้าที่ต่อความปลอดภัยเกิดคำถาม ในเหตุการณ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ประตูปลั๊กเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์หลุดกลางอากาศ หลังขึ้นบินเพียงไม่กี่นาที ตั้งแต่นั้นทำให้คนในองค์กรทยอยออกมาแฉเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ไม่ปลอดภัยในโรงงานหลายแห่งของโบอิ้ง ตลอดจนแนวปฏิบัติที่ไม่ปลอดภัยในซัพพลายเออร์หลักของโบอิ้งด้วย อย่างบริษัทสปิริต แอโรซิสเต็มส์
นักวิจารณ์ระบุว่า บริษัทไม่ได้จัดการปัญหาอย่างจริงจัง อีกทั้งองค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐหรือ FAA ซึ่งคือผู้ควบคุมกฎระเบียบทั้งหลายเกรงใจความสำคัญ ความยิ่งใหญ่ของบริษัท และไม่ได้ใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อบีบให้โบอิ้งแก้ปัญหา
อัพเดตคดีความ
ความเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ โบอิ้ง ตกลงที่จะรับสารภาพผิดในข้อหาฉ้อโกงทางอาญา ซึ่งถูกดำเนินคดี หลังจากเหตุการณ์เครื่องบินแบรนด์นิว 737 แม็กซ์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 346 ราย
ครอบครัวเหยื่อคัดค้านดีล เรียกร้องให้มีการไต่สวนอย่างเปิดเผย ครอบครัวผู้เสียชีวิตกล่าวในข้อตกลงรับสารภาพผิด ซึ่งถูกส่งไปยังผู้พิพากษาเพื่อให้อนุมัติ นั้น ว่า เป็นบทลงโทษที่ปรานีต่อโบอิ้งอย่างมาก “ข้อตกลงรับสารภาพผิดกับโบอิ้งที่ทำให้โบอิ้งยอมจบคดีนั้นไม่ยุติธรรม ซึ่งจำเลยคดีอาญาอื่น ๆ จะไม่มีวันได้รับดีลนี้และล้มเหลวที่จะนำโบอิ้งมารับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของคน 346 ราย” ทนายความของครอบครัวผู้เสียชีวิตเขียนปฏิเสธข้อตกลง
ข้อตกลงนี้เกิดจากการสอบสวนที่เริ่มในปี 2019 หลังเหตุเครื่องบินตกครั้งที่ 2
ต่อมาทีมสอบสวนสรุปว่า โบอิ้งลดความยุ่งยากระหว่างงานออกแบบโบอิ้งแม็กซ์ 737 และหลอกลวงทีมควบคุมกฎระเบียบ โบอิ้งถูกกล่าวหาว่า เห็นแก่กำไรมาก่อนความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ในปี 2021 โบอิ้งตกลงที่จะจ่ายค่าไกล่เกลี่ยคดีราว 9 หมื่นล้านบาท แต่เลี่ยงการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ในข้อหาสมคบคิดกันฉ้อโกงในทางอาญา แต่แล้วในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐพบว่า โบอิ้งละเมิดเงื่อนไขของการไกล่เกลี่ยโดยการไม่ดำเนินการและไม่ทำตามคำแนะนำที่เหมาะสมรวมถึงมาตรการทางจริยธรรม
ข้อตกลงรับสารภาพผิดของโบอิ้ง
รอยเตอร์ รายงานว่า ตามข้อตกลงสารภาพผิด โบอิ้งตกลงที่จะจ่ายราว 8.8 พันล้านบาท และส่งให้ตรวจสอบอย่างอิสระเป็นเวลา 3 ปี และยังเห็นด้วยว่า คณะกรรมการบริหารผู้อำนวยการจะพบกับครอบครัวของเหยื่อและให้คำมั่นจะลงทุนพัฒนาความปลอดภัยมูลค่าราว 1.6 หมื่นล้านบาท
เอริน แอปเปิลบัม (Erin Applebaum) ทนายความของ 34 ครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในเที่ยวบิน 302 ของเอธิโอเปีย แอร์ไลนส์ กล่าวว่า ดีลไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าบทลงโทษที่นุ่มนวลและไม่ส่งผลอะไรกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญภายในบริษัทโบอิ้ง
ข้อตกลงไม่ได้สั่งขัดขวางการกระทำใด ๆ ต่อผู้บริหารรายบุคคลหรือต่อต้านบริษัทที่ทำในสิ่งที่เคยทำ หลังจากเหตุตกในปี 2018-2019 แต่เจ้าหน้าที่ทิ้งคำถามสำคัญไว้ อาทิ การสารภาพผิดจะกระทบต่อความสามารถที่จะเข้าประมูลงานของรัฐอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ
สมาชิกนิติบัญญัติและวุฒิสภาเรียกร้องให้ดำเนินการมากกว่านี้ สว.ริชาร์ด บลูเมนทัล จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเน้นที่การพิจารณาคดีการเอาคืนต่อคนในที่ออกมาแฉองค์กรของโบอิ้ง กล่าวว่า ตัวบุคคล ไม่ใช่แค่บริษัท ควรเจอผลที่ตามมา สำหรับการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในอดีตรวมถึงการฟ้องร้องดำเนินคดีของโบอิ้งเพื่อเอาคืนคนที่ออกมาแฉและคนที่ทำผิดอื่น ๆ และว่า สภาคองเกรสต้องไม่หยุดบีบบังคับให้มีการตรวจสอบโบอิ้งและ FAA และว่า ตนวางแผนจะทำให้สำเร็จ
ความสำคัญของยักษ์ใหญ่การบิน
ก่อนการประกาศดีลรับสารภาพผิด คนอื่น ๆ แสดงความกังวลว่าโบอิ้งมีความสำคัญมากเกินไปที่จะนำมารับโทษได้ จากความสำคัญต่อเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน จึงไม่อยากเห็นผู้ควบคุมกฎระเบียบการบินสั่งเครื่องบินโบอิ้งห้ามบิน
โบอิ้งเป็นผู้รับเหมารายใหญ่สำหรับกองทัพสหรัฐ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินมาตรการลงโทษ
ศาสตราจารย์แบรนดอน การ์เร็ต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยดุก ซึ่งติดตามการดำเนินคดีบริษัทกล่าวว่า เฉพาะปี 2022 ปีเดียว โบอิ้งได้ทำสัญญากับกระทรวงกลาโหมมูลค่าราวกว่า 5 แสนล้านบาท ดังนั้นการลงโทษที่สมน้ำสมเนื้ออาจเป็นการถูกตัดสิทธิหรือระงับจากการว่าจ้าง
การพิจารณาตำแหน่งแห่งที่ของโบอิ้งในตลาดการบินพาณิชย์ หลากวิกฤตสร้างความเสียหายให้บริษัท ซึ่งสูญเสียเม็ดเงินทุกปีนับตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งรวมกันราวกว่า 1 ล้านล้านบาท แต่ตลาดการบินพาณิชย์ในปัจจุบันต้องการโบอิ้ง ในแง่ว่า หลายสายการบินกำลังจะได้รับเครื่องบินตามที่ต้องการหรือไม่
โบอิ้งมีออร์เดอร์สั่งซื้อเครื่องบินกว่า 6,000 ลำ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีในการผลิต คู่แข่งที่ยิ่งใหญ่อย่างแอร์บัสมียอดรอโอนมากเสียยิ่งกว่า และกำลังกระเสือกกระสนที่จะผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ ในอนาคต บริษัทโบอิ้งจะต้องเตรียมพร้อม หากต้องการบอกลาภัยคุกคามจากคู่แข่งที่กำลังเกิดใหม่
โคแมก (Comac) ผู้ผลิตเครื่องบินที่ทางการจีนสนับสนุนกำลังผลิตเครื่องบินโดยสาร C919 ในขณะนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นคู่แข่งกับโบอิ้ง 737 แม็กซ์และแอร์บัส เอ 320 นีโอ โดยได้เริ่มเที่ยวบินพาณิชย์ไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
ยอดสั่งจองยังน้อยมากเมื่อเทียบกับโบอิ้งและแอร์บัส แต่ในระยะยาวอาจสร้างผลกำไรจากความอ่อนแอใด ๆ ของโบอิ้ง
อีกทั้ง เอ็มบราเออร์ (Embraer) ของบราซิล ผู้ผลิตที่ประสบความสำเร็จในสายการบินระดับภูมิภาคที่ขนาดเล็กกว่า จะย้ายไปยังพื้นที่ที่โบอิ้งและแอร์บัสยึดครองอยู่
จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมกระทรวงยุติธรรมสหรัฐไม่ได้ลงโทษหนักกว่านี้ แม้ในตัวของมันเอง เป็นพัฒนาการครั้งใหญ่ คำถามในขณะนี้คือ กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการอย่างเพียงพอที่จะขัดขวางการกระทำผิดในอนาคตหรือไม่
ข้อตกลงสารภาพผิดของโบอิ้งอาจกระทบกับการต่อสัญญาจ้างจากภาครัฐ ขณะนี้โบอิ้งอยู่ระหว่างหารือกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับเรื่องนี้ รายละเอียดข้อตกลงคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 19 ก.ค.นี้