ทรัมป์เลือก เจ.ดี. แวนซ์ สว.วัย 39 ปี ลงชิงรองประธานาธิบดี 

โดนัลด์ ทรัมป์ และ เจ.ดี. แวนซ์
โดนัลด์ ทรัมป์ (ซ้าย) และ เจ.ดี. แวนซ์ (กลาง) ในการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน วันที่ 15 กรกฎาคม 2024 (ภาพโดย ANGELA WEISS / AFP)

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของพรรครีพับลิกัน ประกาศเลือก เจ.ดี. แวนซ์ สว.วัย 39 ปี เป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2024 ตามเวลาสหรัฐ (วันที่ 16 กรกฎาคม เวลาไทย) ในการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เลือก เจ.ดี. แวนซ์ (J.D. Vance) วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ เป็นคู่หูสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ขณะที่ทรัมป์ได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งทรัมป์มีกำหนดการที่จะรับคำเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ 

“หลังจากการไตร่ตรองและคิดมาเป็นเวลานาน และพิจารณาถึงความสามารถอันมหาศาลของคนอื่น ๆ หลายคน ผมได้ตัดสินใจว่าบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคือวุฒิสมาชิก เจ.ดี. แวนซ์ แห่งรัฐโอไฮโอ” ทรัมป์เขียนบนแพลตฟอร์ม ทรูท โซเชียล (Truth Social) 

การประชุมใหญ่พรรครีพับลิกันซึ่งจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 4 วัน เกิดขึ้นในวันที่สองหลังจากที่ทรัมป์รอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมมาได้อย่างหวุดหวิด และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เขาได้รับชัยชนะทางกฎหมายครั้งใหญ่ เมื่อผู้พิพากษาของศาลรัฐบาลกลางยกฟ้องหนึ่งในคดีอาญาของเขา 

สำหรับ เจ.ดี. แวนซ์ ผู้ได้รับเลือกนั้น มีอายุ 39 ปี เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างดุเดือดในปี 2016 แต่นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของทรัมป์ 

ไม่นานหลังจากที่ทรัมป์ประกาศเลือกแวนซ์ในช่วงบ่าย แวนซ์ก็ปรากฏตัวในบริเวณสถานี่จัดการประชุมพร้อมกับอูชา แวนซ์ (Usha Vance) ภรรยาของเขา และเขามีกำหนดจะกล่าวต่อที่ประชุมในวันพุธที่ 17 กรกฎาคมนี้ 

ทั้งนี้ แวนซ์ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้สนับสนุนหลักของทรัมป์ แต่ยังคงต้องรอดูกันว่าเขาจะสามารถขยายความเป็นที่นิยมออกไปในวงกว้างขึ้นได้หรือไม่

ADVERTISMENT

ส่วนในแง่แนวคิดทางทางการเมืองและมุมมองต่อเรื่องต่าง ๆ แวนซ์มีแนวคิดที่ Aggressive เหมือนกันกับทรัมป์ และการกล่าวถ้อยคำแบบอนุรักษนิยมของเขาต่อในประเด็นต่าง ๆ เช่น การทำแท้ง อาจสร้างความไม่พอใจในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีแนวคิดสายกลาง