คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้รับรองมติว่าด้วย “การปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเพื่อเดินหน้าการสร้างความทันสมัยแบบจีน” ในการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 (Third Plenum) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา
มตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับจีน เนื่องจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดขนาดใหญ่สุดของประเทศจีน และเป็นผู้กำหนดนโยบายของประเทศ
แถลงการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า วัตถุประสงค์โดยรวมของการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น คือ การปรับปรุงและพัฒนาระบบสังคมนิยมอันมีลักษณะเฉพาะของจีนต่อไป และปรับปรุงระบบและขีดความสามารถด้านการปกครองบริหารประเทศให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
“การดำเนินการทั้งหมดภายใต้แผนการปฏิรูปจะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในทุกด้าน ภายในกลางศตวรรษนี้”
พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำหนดเป้าหมายไว้ว่า งานปฏิรูปที่กำหนดไว้ในมติจะเสร็จสิ้นภายในเวลาที่จีนเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีการก่อตั้ง “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ในปี 2029 และการสร้างเศรษฐกิจระบบตลาดแบบสังคมนิยมที่มีมาตรฐานสูงจะต้องสำเร็จภายในปี 2035
ดังนั้น มติว่าด้วยการปฏิรูปนี้จึงเป็นการวาดภาพจีนหลังปี 2035 ให้ชาวโลกเห็นคร่าว ๆ แล้ว
รายละเอียดแผนการปฏิรูปนั้นระบุถึงด้านต่าง ๆ ไว้อย่างรอบด้านสมชื่อ ทั้งการสร้างเศรษฐกิจระบบตลาดแบบสังคมนิยมที่มีมาตรฐานสูง, ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูง สนับสนุนนวัตกรรมรอบด้าน, ปรับปรุงการบริหารเศรษฐกิจมหภาค, ส่งเสริมการพัฒนาเมืองและชนบทแบบบูรณาการ, การเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูง, การพัฒนาประชาธิปไตยของประชาชน, ส่งเสริมหลักนิติธรรมแบบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน, การปฏิรูปเชิงลึกในด้านวัฒนธรรม, รับประกันและปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน, ปฏิรูปเชิงลึกในการอนุรักษ์ระบบนิเวศ, ปรับปรุงระบบความมั่นคงให้ทันสมัย, ปฏิรูปการป้องกันประเทศและกองทัพให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และปรับปรุงความเป็นผู้นำของพรรคในการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาความทันสมัยของจีน
โฟกัสที่ด้านเศรษฐกิจ แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า ในการสร้างเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยมที่มีมาตรฐานสูง จะยกระดับ “บทบาทของตลาด” ให้สูงขึ้น ทำให้สภาพแวดล้อมของตลาดมีความยุติธรรมและมีพลวัตมากขึ้น ยกเลิกข้อจำกัดในตลาด และแก้ไขความล้มเหลวของตลาด
ในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูง จะกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างฝั่งอุปทานอย่างลึกซึ้ง ปรับปรุงสิ่งจูงใจและข้อจำกัดในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูง และสร้างปัจจัยขับเคลื่อนและจุดแข็งใหม่ ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“การพัฒนาคุณภาพสูงเป็นภารกิจหลักของเราในการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัย จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้ปรัชญาการพัฒนาใหม่ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปและเป็นรากฐานของความพยายามของเราในขั้นตอนใหม่ของการพัฒนา”
ในการปรับปรุงการบริหารเศรษฐกิจมหภาค มีการเรียกร้องให้ดำเนินการปฏิรูปที่มีการประสานงานในภาคการคลัง ภาษี การเงิน และภาคส่วนหลักอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสอดคล้องกันในการวางแนวนโยบายมหภาค
ในด้านการพัฒนาเมืองและชนบทแบบบูรณาการ พรรคจะต้องส่งเสริมการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันและการไหลเวียนของปัจจัยการผลิตแบบสองทางระหว่างเมืองกับชนบท เพื่อลดความไม่เสมอภาคกัน และส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาร่วมกัน รวมถึงจะมีการปฏิรูประบบที่ดินอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แถลงการณ์อธิบายว่า “การเปิดกว้าง” เป็นตัวบ่งชี้ความทันสมัยของจีน ดังนั้น พรรคจะขยายการเปิดกว้างสถาบันอย่างต่อเนื่อง จะปฏิรูปโครงสร้างการค้าต่างประเทศอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ปฏิรูประบบการจัดการการลงทุนภายในและภายนอก ปรับปรุงการวางแผนการเปิดกว้างในระดับภูมิภาค และปรับปรุงกลไกสำหรับความร่วมมือคุณภาพสูงภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งสายแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)
นอกจากนั้น คณะกรรมการกลางพรรคเรียกร้องให้มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในปีนี้ โดยระบุว่า ต้องทำให้มั่นใจว่ามีมาตรการที่เพียงพอทั้งในด้านการพัฒนาและด้านความมั่นคง โดยต้องมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงด้านอสังหาริมทรัพย์ หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น สถาบันการเงินขนาดเล็กและขนาดกลาง และประเด็นสำคัญอื่น ๆ
“การยกระดับความทันสมัยของจีนถือเป็นความพยายามครั้งใหม่ ในการเดินทางไปข้างหน้า เราจะต้องพบกับปัญหา ความเสี่ยง และความท้าทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพบเห็นในรอบศตวรรษกำลังเร่งตัวขึ้นทั่วโลก … เหตุการณ์ ‘หงส์ดำ’ และ ‘แรดเทา’ ต่าง ๆ มีศักยภาพที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
“เพื่อจัดการกับความเสี่ยงและความท้าทายเหล่านี้อย่างได้ประสิทธิผล และคว้าความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์ท่ามกลางการแข่งขันระดับนานาชาติที่เข้มข้นขึ้น เราจำเป็นต้องปรับปรุงการปฏิรูปอย่างครอบคลุมต่อไป เพื่อที่เราจะสร้างสถาบันที่ดีเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยง และตอบสนองต่อความท้าทาย มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมโอกาสใหม่ ๆ ท่ามกลางวิกฤต และบุกเบิกสิ่งใหม่ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป” สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวในนามกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ถึงแม้ว่ามติแผนปฏิรูปของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีเนื้อหาที่ยาวและรอบด้านเพียงใด แต่ตามการรายงานของสื่อหลายสำนัก นักวิเคราะห์มองว่าแผนปฏิรูปดังกล่าวไม่มีความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักจากแผนที่จัดทำมาก่อน ๆ หน้านี้ ที่มักจะเขียนแผนโดยไม่ได้ระบุวิธีการดำเนินการเอาไว้
ตามการรายงานของรอยเตอร์ (Reuters) แกรี อึ้ง (Gary Ng) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของวาณิชธนกิจ “เนทิซิส” (Natixis) กล่าวว่า การประชุมดังกล่าวได้วาดภาพอนาคตของการเติบโตทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความมั่นคง ซึ่งนำโดยรัฐ แต่การเดิมพันแบบทุ่มสุดตัวในด้านอุตสาหกรรมการผลิตและกำลังการผลิตคุณภาพใหม่ (New Quality Productive Forces) นั้นอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
แต่ประเด็นหนึ่งที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเห็นมาตรการใหม่ ๆ ออกมาในเร็ว ๆ นี้ก็คือ การเงินของรัฐบาลท้องถิ่น เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายของจีนกำลังมองหาวิธีคลายความกังวลเกี่ยวกับหนี้ของท้องถิ่นที่มีมูลค่ามากกว่า 13 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสถาบันการเงินและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในปี 2023 รายได้ทางการคลังของรัฐบาลท้องถิ่น คิดเป็น 54% ของรายได้ทั้งหมดของจีน ขณะที่รายจ่ายคิดเป็น 86% ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนล่าสุดมีแผนการที่จะแก้ไขความไม่สมดุลดังกล่าว โดยจะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นเก็บภาษีการบริโภคได้มากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในปัจจุบันภาษีนี้โอนไปยังรัฐบาลกลางทั้งหมด และคิดเป็นเกือบ 10% ของรายได้รวมของรัฐบาลกลาง
ตามการรายงานของบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ติง ชวง (Ding Shuang) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนแผ่นดินใหญ่และเอเชียเหนือ ของบริษัท สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ถือเป็นหนึ่งในการปฏิรูปภาษีและการคลังครั้งใหญ่ครั้งที่ 3 ของจีนในประวัติศาสตร์ที่ไม่นานมานี้ หลังจากที่มีการเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ของรัฐบาลกลางมากกว่ารัฐบาลท้องถิ่นในปี 1994 และการตัดสินใจที่เริ่มต้นในปี 2013 ในการอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นออกบอนด์ได้เอง
ติง ชวง แสดงความเห็นด้วยว่า การปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีนี้เป็นสิ่งสมควร เพราะจะช่วยบรรเทาความไม่สมดุลระหว่างรายจ่ายที่ต้องรับผิดชอบกับรายได้ของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น