
ปฏิบัติการ 1027 รอบ 2 ของ “พันธมิตรสามพี่น้อง” ยึดเมืองล่าเสี้ยว เมืองใหญ่ที่สุดในรัฐฉานเหนือได้แล้ว รวมถึงกลุ่ม PDF ร่วมมือกับกองทัพตะอาง TNLA สู้รบเพื่อยึดดินแดนขยายพื้นที่ความขัดแย้ง กระทบโครงการลงทุนของจีนอาจเสียหายเกิน 10,000 ล้านเหรียญ
“จีนติดตามสถานการณ์ทางภาคเหนือของเมียนมาอย่างใกล้ชิด เราเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมาสนับสนุนการเจรจาและปรึกษาหารือกัน ยุติความเป็นศัตรู โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แก้ไขปัญหาอย่างสันติ หลีกเลี่ยงทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น” เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในเมืองลาเสี้ยว รัฐฉานทางเหนือในการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวง
“และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดอันตรายต่อความมั่นคงชายแดนจีน และความปลอดภัยของประชาชนจีนที่อาศัยตามแนวชายแดนตลอดจนโครงการลงทุนของจีน ธุรกิจ และเจ้าหน้าที่จีนในเมียนมา” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าว
และว่าจีนจะยังส่งเสริมให้มีการเจรจาเพื่อสันติภาพและสนับสนุนให้ทางเหนือของเมียนมาเกิดการหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพ
ปฏิบัติการ 1027 รอบ 2 ของ “พันธมิตรสามพี่น้อง” The Brotherhood Alliance ประกอบด้วย กองทัพโกก้าง (MNDAA) ที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดจีน กองทัพตะอางหรือปะหล่อง (Ta’ang National Liberation Army-TNLA) และกองทัพอาระกัน (Arakan Army-AA) ยึดกองบัญชาการของกองทัพภาคพม่าในเมืองล่าเสี้ยวได้ เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐฉานตอนเหนือ ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจชายแดนจีน-เมียนมา ซึ่งโครงการจีนตั้งอยู่ตั้งแต่นครคุนหมิงของจีนไปจนถึงเมืองเจ้าผิวก์ ในรัฐยะไข่ของเมียนมา นอกจากนี้ยังมีการสู้รบแผ่ขยายถึงภาคกลาง สามารถยึดเมืองกุดในภาคมัณฑะเลย์ได้ ทำให้กองทัพเมียนมาถูกมองว่าเพลี่ยงพล้ำแก่สามพี่น้อง
อีกด้านกลุ่ม PDF ซึ่งต่อต้านการรัฐประหารและพันธมิตร ภายใต้ปฏิบัติการฉานมอญ กำลังต่อสู้รอบภาคมัณฑะเลย์และภาคสะกาย ความขัดแย้งขยายไปยังโครงการจีน อาทิ โรงงานอัลฟ่า ซีเมนต์ (Alpha Cement Factory) และโรงงานแปรรูปนิกเกิล (Tagaung Nickel Factory)
กลุ่ม PDF ประจำภาคมัณฑะเลย์ (MDY PDF) ซึ่งร่วมมือกับกองทัพตะอาง TNLA โจมตีหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงงานอัลฟ่า ซีเมนต์ที่จีนมาลงทุนในเมืองมาดายา ภาคมัณฑะเลย์ ทำให้หลายอาคารในโรงงานเสียหายระหว่างการสู้รบ ซึ่ง PDF กล่าวหาว่า อาคารโรงงานถูกเผาจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระหว่างการถอยร่น และในขณะนี้ PDF ยึดโรงงานนิกเกิล โครงการการลงทุนของจีนในอำเภอตีเกียง ภูมิภาคสะกายได้
สำนักข่าวอิรวดี สื่อต่อต้านการรัฐประหารของเมียนมาระบุว่า โรงงานแปรรูปนิกเกิลเป็นฐานการผลิตนิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา ผลิตนิกเกิลและเหล็กได้ปีละ 85,000 ตัน โดยสินแร่นิกเกิล-เหล็กราว 5,000 ตันต่อวันถูกขนมาจากเหมืองบนภูเขาตีเกียง (Mt Tagaung) ในเขตทะเบกจิ้ง (Thabeikkyin) ในมัณฑะเลย์ไปยังเมืองทิกเยียงเพื่อหลอม
โปรเจ็กต์นิกเกิลเริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2008 ทำสัญญาผลิตร่วมกัน 20 ปี ระหว่าง Mining Enterprise of Myanmar และ China Nonferrous Metal Mining (CNMC) ที่รัฐจีนเป็นเจ้าของ ในนามบริษัทร่วมทุน Myanmar CNMC Nickel มูลค่าการลงทุน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 28,000 ล้านบาท
ย้อนไปเมื่อปี 2022 กลุ่ม PDF เคยเรียกร้องโรงงานแห่งนี้ให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและความโปร่งใสที่มากขึ้น รวมถึงถอนการลงทุน นับตั้งแต่เหตุรัฐประหารปี 2564 โดยถูกกล่าวหาว่า เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้รัฐบาลทหาร ซึ่งหอส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ป้อนไฟฟ้าโรงงานนิกเกิลแห่งนี้ถูกวางระเบิดได้รับความเสียหาย
จากหลักฐานข้างต้นต่อโครงการ BRI หรือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งคือการลงทุนทางโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของจีน รวมถึงโครงการท่อก๊าซธรรมชาติ โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ และข้อริเริ่มอื่น ๆ ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า ความขัดแย้งอาจทำให้จีนสูญเสีย 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 350,000 ล้านบาท
ณ สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2024 ข้อมูลสถิติระบุว่า จีนมีโครงการลงทุนในเมียนมาราว 600 โครงการ มูลค่าราว 21.993 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 7.8 แสนล้านบาท คิดเป็นกว่าร้อยละ 23 ของการลงทุนจากต่างประเทศในเมียนมา ซึ่งในเม็ดเงินลงทุนของจีน จีนลงทุนในเซ็กเตอร์ไฟฟ้ามากที่สุด ในบรรดาโครงการเหล่านี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกเจ้าก์ผิวมีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 46,000 ล้านบาท ในระยะแรก จากมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงเฟสแรกของปฏิบัติการ 1027 กลุ่ม TNLA และ PDF ยึดอาคารของสถานีควบคุมท่อน้ำมันเจ้าก์ผิว-คุนหมิงในอำเภอจ๊อกแม อาคารได้รับความเสียหาย
อาวุธจากจีน หยุดส่งอาวุธ หยุดความเสียหายโปรเจ็กต์จีน
อาวุธร้อยละ 90 ของกลุ่มภราดรภาพ หรือพันธมิตรสามพี่น้องทางเหนือและกลุ่มอื่น ๆ ที่ใช้ในการสู้รบเพื่อยึดดินแดนผลิตขึ้นในจีน โดยเฉพาะอาวุธของกลุ่มพันธมิตรสามพี่น้องที่นำเข้ามาจากจีนและป้อนโดยจีนผ่านโรงงานอาวุธของกลุ่มกองกำลังว้าที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดจีน
อีเลฟเว่น มีเดีย (Eleven Media) สื่อเมียนมารายงานว่า เนื่องจากสงครามที่เกิดจากการใช้อาวุธเหล่านี้ การลงทุนของจีนเจอสถานการณ์ที่อาจขาดทุนจนไม่สามารถประเมินค่าได้ อาวุธถูกผลิตโดยโรงงานอาวุธว้า 6 แห่งและได้รับการส่งเสริมทั่วพื้นที่ว้า
โดยเฉพาะร้อยละ 80 ของอาวุธที่ใช้ในการสู้รบขณะนี้มาจากโรงงานว้า ดังนั้นหากจีนเปลี่ยนนโยบายและควบคุมเพียงอาวุธจากว้า การสูญเสียของจีนอาจลดลง แต่หากจีนไม่เปลี่ยนนโยบาย สงครามจะไม่มีวันจบและการสูญเสียอาจวัดค่าไม่ได้ และการลงทุนจะไม่เกิดขึ้นอีก
ยิ่งไปกว่านี้ หากสงครามดำเนินต่อไปอีก 20 ปี และกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่แผ่ขยาย ปริมาณของอาวุธเหล่านี้จะขึ้นกับนโยบายจีน ดังนั้นความสูญเสียของจีนในสงครามกลางเมืองจะขึ้นอยู่กับนโยบายควบคุมอาวุธของจีนเองมากกว่าที่จะขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในความขัดแย้ง ดังนั้นการขาดทุนในโครงการต่าง ๆ ของจีนไม่ได้ขึ้นกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์และกองทัพพม่าที่สู้รบกันในขณะนี้ แต่ขึ้นกับความสามารถที่จะควบคุมอาวุธผ่านกลุ่มว้า หากไม่สามารถถูกควบคุมได้ สงครามน่าจะขยายและยาวนานขึ้น ทำให้จะเผชิญความเสี่ยงของการสูญเสียการลงทุนจากจีน และจีนอาจเจอผลลัพธ์แผ่เป็นวงกว้างมากขึ้น
หลังจากปฏิบัติการ 1027 รอบแรกเริ่มเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2023 พันธมิตรสามพี่น้องและสภาบริหารแห่งรัฐ หรือ SAC ภายใต้รัฐบาลทหาร โดยมีจีนเป็นตัวกลาง เจรจาจนบรรลุข้อตกลงในเดือนมกราคม 2024 หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 27 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ปฏิบัติการรอบสองก็เริ่มขึ้น
ขณะนี้กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ที่ทรงอิทธิพลและมีแสนยานุภาพมากที่สุดในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธในเมียนมา ซึ่งสนิทกับจีนนั้นเคลื่อนกำลังมาในเมืองล่าเสี้ยว อ้างเพื่อปกป้องผลประโยน์ของว้าในเมืองแห่งนี้ ซึ่ง SAC รู้ดีว่า เป็นแผนของจีนในการสร้างเขตอิทธิพลรัฐฉานตอนเหนือ ผ่านการสนับสนุนทัพโกก้าง MNDAA และกองทัพสหรัฐว้า นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่าการต่อสู้อาจลุกลามลงล่างและกวาดมาประชิดชายแดนไทย
จึงสามารถมองได้ว่า จีนกำลังสร้างเขตอิทธิพลในรัฐฉานตอนบนที่มีกองกำลังว้าคุม ส่วนอีกกลุ่มเป็นรัฐฉานที่มีสภากอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of Shan State-RCSS) ของเจ้ายอดศึกอยู่ในเขตรัฐฉานด้านล่างลงมาทางใต้ ตามที่สภากอบกู้รัฐฉานได้ออกแถลงการณ์ประชุมในวันนี้ (29 กรกฎาคม) เรียกร้องให้หยุดการสู้รบ ซึ่งทำให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และต้องอพยพหนีสงคราม