
วินฟาสต์ของเวียดนามเริ่มส่งรถมินิเอสยูวี เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ตั้งแต่เมื่อวาน (1 สิงหาคม) ราคาคันละราว 4.5 แสนบาท เจาะตลาดเวียดนามและเอเชียโดยเฉพาะ นักวิจัยมองชนะแบรนด์ BYD ช่วงแรก
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2024 นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า วินฟาสต์ (VinFast) ผู้ผลิตรถสัญชาติเวียดนามกำลังเริ่มส่งรถเอสยูวี ไซซ์มินิรุ่นใหม่ “วีเอฟ 3” เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาคันละ 322 ล้านด่องเวียดนามราว 450,000 บาท ตั้งเป้าส่งรถให้ได้อย่างน้อย 20,000 คันในปีนี้
สำหรับรายละเอียดรถ ออกแบบให้มีความยาวราว 3.2 เมตร และกว้างน้อยกว่า 1.7 เมตร แล่นระยะได้สูงสุดคราวละ 215 กิโลเมตร เมื่อบริษัทเริ่มรับจองในเดือนพฤษภาคม ได้รับออร์เดอร์เกือบ 28,000 คัน ใน 66 ชั่วโมง วีเอฟ 3 มุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองเป็นหลัก ในหลายพื้นที่ใจกลางกรุงฮานอยที่มีถนนแคบและตรอกซอกซอยจำนวนมาก ซึ่งทำให้รถขนาดใหญ่ผ่านเข้าไปได้ยาก
วินฟาสต์ระบุว่า ครอบครัวจำนวนหนึ่งซึ่งมีรถยนต์สี่ล้ออยู่แล้วกำลังเลือกซื้อรถวีเอฟ 3 เป็นรถคันที่ 2 ของครอบครัว บริษัทวางแผนที่จะขายครั้งแรกในเวียดนามก่อน จากนั้นจึงค่อยขยายไปยังประเทศฟิลิปปินส์และที่อื่น ๆ อีกในอนาคต รวมถึงไทย สหรัฐ ทวีปยุโรป ภายในปีหน้า ซึ่งวินฟาสต์ตั้งเป้ายอดขายรถอีวีปี 2024 ที่ 80,000 คัน มากกว่าปีที่แล้วสองเท่า จากเดิมเมื่อต้นปีเซ็ตไว้ที่ 100,000 คัน แต่ต่อมาตั้งเป้าลดลงเหลือ 80,000 คันดังกล่าว
นอกจากนี้ ข้อมูลจากเอพี รายงานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า นายเล ฮอง เฮียบ นักวิจัยรับเชิญจากสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า แม้กระทั่งในตลาดเอเชีย วินฟาสต์เจอคู่แข่งหลายราย โดยเฉพาะจาก BYD ผู้ผลิตอีวีจีน ซึ่งประสบความสำเร็จในยอดขายได้มากพอคุ้มค่าทุน แต่ในเวียดนาม ซึ่งวินฟาสต์เกือบจะผูกขาดทั้งสถานีชาร์จไฟที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่เพียงแค่เมืองใหญ่ ๆ แต่รวมถึงต่างจังหวัดแถบภูเขาห่างไกลด้วย อีกทั้งชาวเวียดนามไม่ไว้วางใจรถจีนและความรู้สึกชาตินิยมทำให้แบรนด์วินฟาสต์ชนะด้วยยอดขายที่เหนือกว่าจำนวนเล็กน้อยในช่วงเริ่มแรก
เอพีรายงานอีกว่า วินฟาสต์เผชิญปัญหาใหญ่ ไม่สามารถขายรถได้ในปริมาณที่มากพอ ทั้ง ๆ ที่มุ่งขายในสหรัฐ แต่ยอดขายน้อยกว่า 1,000 คัน ในทวีปอเมริกาเหนือเมื่อปีที่แล้ว และขายได้เพียงราว 35,000 คันทั่วโลก ต่ำกว่าเป้าอย่างน้อย 40,000 คัน บริษัทต้องปิดโรงงานหลายโรงงานสูญเสียเม็ดเงินจำนวนมาก สุขภาพทางการเงินของบริษัทตกอยู่ในอันตราย หลังจากพบว่า การตีตลาดสหรัฐยากเย็นแสนเข็ญ วินฟาสต์จึงหันมามุ่งตลาดเอเชียในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่แทน ตั้งความหวังไว้ที่รถยนต์ราคาถูกและขนาดเล็กที่สุด ลงเอยเป็นรถมินิเอสยูวี ซึ่งบริษัทบอกว่าจะกลายเป็น “รถยนต์แห่งชาติ” ของเวียดนาม และชนะใจลูกค้าตลาดเอเชีย
เล ธิ ต่วย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินกรุ๊ป ระบุว่า รถเอสยูวี ไซซ์มินิออกแบบเป็นพิเศษมาเพื่อตลาดเวียดนามและชาติเอเชียอื่น ๆ ตั้งเป้าสร้างยอดขายให้ได้มากกว่ารถรุ่นก่อน ๆ ที่ตั้งใจส่งออกชาติตะวันตกเป็นหลัก
วินฟาสต์ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลก เมื่อเข้ามาขายรถในตลาดสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว และจดทะเบียนหุ้นในตลาดแนสแดค ซึ่งมีมูลค่าตลาดเกินบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors Corp.) และฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor Co.) กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับสามของโลกในช่วงสั้น ๆ เมื่อปลายสิงหาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้น ผลตอบรับของนักลงทุนกลายเป็นเฉย ๆ และการซื้อขายหุ้นต่ำกว่า 4 ดอลลาร์สหรัฐจากจุดสูงสุดที่ 82.35 ดอลลาร์สหรัฐ วินฟาสต์เผชิญปัญหาการผลิตรถในโรงงานล่าช้า ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย บริษัทออกแถลงการณ์ในครั้งนั้นว่ากำลังตรวจสอบและประเมินการผลิตรถในทุกด้าน