คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ
การประชุมเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม คือ ระหว่าง 5.25-5.5% ตามความคาดหวังของตลาดและนักลงทุน และพร้อมกันนั้นก็ “ส่งสัญญาณ” ที่นักลงทุนอยากเห็นก็คือ พร้อมจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
ถึงแม้จะเป็นการส่งสัญญาณที่มี “ข้อแม้” เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือให้ขึ้นกับข้อมูลในแต่ละช่วงเวลาเป็นสำคัญ ไม่ได้มีการรับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะต้องลดก็ตาม แต่การไม่หักมุม ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง ก็ทำให้บรรยากาศเป็นไปในทางบวก ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นและผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง
“เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด แถลงว่า ข้อมูลเงินเฟ้อไตรมาส 2 ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับคณะกรรมการ โดยทั้งเงินเฟ้อและข้อมูลแรงงานเคลื่อนไหวอย่างสมดุลกันมากขึ้น แต่เฟดจะลดดอกเบี้ยต่อเมื่อมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อปรับลงอย่างยั่งยืนสู่เป้าหมาย 2% หากข้อมูลด้านอื่น ๆ ออกมาดีด้วย ก็จะช่วยเสริมความมั่นใจของเฟดให้แข็งแกร่งขึ้น
ขณะเดียวกันการที่เงินเฟ้ออ่อนตัวลง ช่วยให้เฟดสามารถให้น้ำหนักระหว่างเงินเฟ้อกับตลาดแรงงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น โดยขณะนี้ตัวเลขการจ้างงานแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานค่อย ๆ ปรับสู่ภาวะปกติ จากที่เคยร้อนแรงมากเกินไป
พาวเวลล์ ได้อธิบายในลักษณะที่ให้ภาพว่า ข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในจุด “กลมกล่อม” หรือมีประสิทธิภาพมากที่สุด กล่าวคือ เงินเฟ้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การจ้างงานแข็งแกร่ง แต่ในเวลาเดียวกันการปรับขึ้นค่าจ้างลดความร้อนแรงลง ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีต่อเศรษฐกิจ เพราะภาคธุรกิจไม่ต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยค่าจ้างที่สูงขึ้น
“เศรษฐกิจในตอนนี้ไม่ร้อนแรงเกินไป และไม่อ่อนแอมากเกินไป นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราอยากเห็น เรากำลังเข้าใกล้จุดที่เหมาะสมที่จะลดดอกเบี้ย”
ในแง่ของจำนวนครั้งการลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประธานเฟดแทบไม่ได้ให้ภาพอะไรที่ชัดเจน กล่าวเพียงว่า อาจไม่มีการลดเลยสักครั้งไปจนถึงหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม หากดูจากเครื่องมือติดตามเฟดของ CME Group แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้
เมื่อถูกถามว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ จะถูกนำมาประกอบการตัดสินใจลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนหรือไม่ ประธานเฟดยืนยันว่า เฟดเป็นองค์กรไม่ฝักใฝ่การเมือง เฟดไม่เคยใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อสนับสนุนหรือต่อต้านพรรคการเมือง และการทำนายเศรษฐกิจก็ไม่เคยคำนึงว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี
“วิลเลียม ดัดลีย์” อดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ระบุว่า หากดูจากแถลงการณ์ของเฟดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการแถลงของประธานเฟด บ่งชี้ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ยกเว้นเสียแต่ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยเดือนกันยายน ยกเว้นแต่เงินเฟ้อมีการกลับทิศจากปัจจุบัน
ทางด้าน เนลา ริชาร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ADP เห็นว่า ท่าทีดังกล่าวของเฟด เป็นการสร้างทางเลือกให้กับตนเองให้มากที่สุด ไม่อยากต้อนตัวเองเข้ามุม จึงไม่มีการผูกมัดหรือให้คำมั่น สิ่งที่เฟดมีอยู่ในมือให้เล่นในตอนนี้ คือ อัตราการว่างงานจะต่ำอย่างต่อเนื่องได้แค่ไหน เฟดจึงสามารถอดทนรอก่อนตัดสินใจลดดอกเบี้ยได้
คริส รัปคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ FWDBONDS ระบุว่า เฟดเข้าใกล้การลดดอกเบี้ยมากที่สุดในเดือนกันยายน เมื่อดูจากการที่ประธานเฟดบอกว่าพิจารณาถึงความเสี่ยงทั้งสองด้าน ทั้งด้านเงินเฟ้อและการจ้างงาน จากที่ก่อนหน้านี้เฟดมุ่งเน้นแต่เรื่องเงินเฟ้อเป็นหลัก
ตลาดหุ้นตอบรับผลการประชุมเฟดอย่างคึกคัก โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดที่ 5,522.30 จุด เพิ่มขึ้น 85.86 จุด หรือ1.58%, แนสแดค ปิดตลาดที่ 17,599.40 จุด เพิ่มขึ้น 451.98 จุด หรือ 2.64% ซึ่งทั้งสองดัชนีดังกล่าวปรับขึ้นสูงที่สุดนับจากเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ส่วนดาวโจนส์ ปิดตลาดที่ 40,842.79 จุด เพิ่มขึ้น 99.46 หรือ 0.24% โดยในระหว่างวันพุ่งขึ้นไปถึง 455.30 จุด หรือ 1.1% ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลงเกือบ 0.05% ไปอยู่ที่ 4.092%