“มาริษ” เผย นายกฯเกาหลี พร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหาร การลงทุน ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ขณะที่ประเด็นแรงงาน ยันจะแก้ปัญหาที่คั่งค้าง ไทยเตรียมนำระบบ ETA มาใช้ไม่เกินต้นปี 68 เพื่อติดตามและป้องกันแรงงานผิดกฎหมาย ส่วนกระแสแบนเที่ยวเกาหลีใต้ยืนยันคนไทยต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเหมือนชาติอื่นๆ
วันที่ 2 สิงหาคม 2024 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการวันที่ 31 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2567 ตามคําเชิญของนายโช แท-ย็อล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาหลีใต้ ว่า เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ นายฮัน ด็อก-ซู (H.E. Mr. Han Duck-soo) นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ที่ศูนย์ราชการกรุงโซล กวางฮวามุน
“โดยสิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีเกาหลีพูดกับตนคือ ท่านชื่นชมและขอบคุณประเทศไทยที่อยู่เคียงข้างเกาหลีใต้ เพราะในช่วงสงครามเกาหลี ไทยเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่ส่งกองทัพ หรือ ทหารไทยเข้าไปช่วยยืนรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเกาหลีใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเกาหลีบอกกับตนว่า ประเทศไทยสนับสนุนยืนเคียงข้างเกาหลี ตั้งแต่เรายังไม่ความสัมพันธ์ทางด้านการทูตเลยด้วยซ้ำ จึงถือเป็นประวัติของความร่วมมือการมีความใกล้ชิดกันระหว่าง ไทย-เกาหลี ตั้งแต่เริ่มต้น ฉะนั้นเราจะเสริมสร้างให้ความสำคัญที่ดีตรงนี้ขยายต่อไป” นายมาริษกล่าว
โดยจะส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหาร อาทิ การซ้อมรบ การศึกษาพัฒนาการทหาร และการพัฒนาการขีดความสามารถในการผลิตยุทโธปกรณ์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ยังได้ขอบคุณประเทศไทย และรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ด้วยที่ให้การสนับสนุนบทบาทและนโยบายในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลีของเกาหลีใต้ ซึ่งไทยได้ให้การสนับสนุนในหลายๆเวที รวมทั้งองค์การสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้พูดคุยถึงประเด็นความพยายามที่จะส่งเสริมความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุน โดยระบุว่า ถึงแม้ไทย-เกาหลี จะมีการค้าขายระหว่างกันเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีโอกาสที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันอีก ภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ดังนั้นในเรื่องนี้ต้องนำไปพูดคุยกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องว่าจะส่งเสริมให้การค้าขายขยายตัวได้อย่างไร โดยเฉพาะในสาขาของอาหารที่ไทยมีศักยภาพ เพราะเกาหลีใต้อาจมีข้อจำกัดเรื่องสภาพแวดล้อมและพื้นที่ที่จำกัด ทำให้ผลิตภัณฑ์หลายอย่างยังไม่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ จึงเชื่อว่าหากเราร่วมมือกันด้านการเกษตร การอุตสาหกรรมอาหารก็จะยิ่งดีขึ้น
เรื่องการลงทุน นายมาริษ กล่าวว่า ได้เรียนนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ว่าขณะนี้เรากำลังพยายามทำอยู่ จึงขอให้รัฐบาลเกาหลีช่วยสนับสนุนแพ็คเกจการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของเกาหลีใต้ ตามที่ตนได้หารือข้อราชการร่วมกับหน่วยงานทีมประเทศไทยด้านเศรษฐกิจ และบริษัทเอกชนเกาหลีที่สนใจขยายธุรกิจในประเทศไทย
ประเด็นแรงงาน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ กล่าวว่าอยากเห็นความร่วมมือด้านนี้ เพราะนักธุรกิจเกาหลีใต้ชื่นชอบแรงงานไทยที่เป็นแรงงานฝีมือ หรือ Skilled Labour มาก จึงบอกไปว่า ไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้แรงงานเหล่านี้ มาช่วยพัฒนาธุรกิจของประเทศเกาหลี จึงได้ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างพร้อมที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ยังคงคั่งค้างอยู่ อาทิ กรณีมีแรงงานไทยอยู่ในประเทศเกาหลีอย่างผิดกฎหมาย โดยทำให้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด และยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นจะต้องมีการหารือกันต่อไป เพื่อหาข้อตกลง
ด้านการท่องเที่ยว ไทยต้องการส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน เพราะเชื่อว่ายังสามารถขยายตัวได้อีก ซึ่งไทยกำลังพยายามอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวด้วยการลงทะเบียนผ่านระบบ ETA หรือ Electronic Travel Authorization อยู่ จึงคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ภายในปีนี้หรือต้นปีหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลนักท่องเที่ยวระหว่างกันได้ดีขึ้น อีกทั้ง ยังช่วยติดตามและป้องกันปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ตลอดจนส่งเสริมนักธุรกิจที่เป็น Digital Nomad ไปทำงานในต่างประเทศได้ด้วย ช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจสมบูรณ์และเป็นรูปธรรม
ความร่วมมือเรื่องพลังงานสะอาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เป็นนโยบายสำคัญของนายเศรษฐา ที่ต้องการร่วมมือกับเกาหลีใต้พัฒนาพลังงานสะอาดด้วยเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ หรือ พลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก นายกรัฐมนตรีเกาหลีจึงแสดงความสนใจและฝากให้กระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองนำไปพูดคุยกันต่อ
การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีเกาหลีได้หยิบยกขึ้นมาพูด นายมาริษกล่าวไปว่าไทย-เกาหลี ถือเป็นสองประเทศที่มีการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เพราะทราบดีว่ามีเยาวชนที่มีความสามารถของไทยไปเป็นป๊อปสตาร์อยู่ในเกาหลีใต้ ด้วยเหตุนี้ ทั้งไทย-เกาหลี จึงอยากจะสนับสนุนให้มีเยาวชนที่มีความสามารถมากขึ้นในอนาคต เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเผยมาริษ หารือ เกาหลี ปูทางนายกฯก่อนเยือนอย่างเป็นทางการ ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะการทหาร กระแสแบนท่องเที่ยว ขณะที่ รมว.คลัง เตรียมสานต่อการลงทุนพูดคุยนักธุรกิจต่อปลายเดือนนี้
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยผลการเยือนเกาหลีอย่างเป็นทางการของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังหารือทวิภาคีกับ นายโช แท-ย็อล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลี ว่า การมาเยือนเกาหลีอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงเสมือนเป็นการเตรียมการและปูทางก่อนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมาเยือนในปีนี้ เนื่องจากไทย-เกาหลี ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
แม้ความร่วมมือจะใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่ก็ได้แลกเปลี่ยนในประเด็นต่างๆ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการทหาร เพราะขณะนี้เกาหลีมีความก้าวหน้ามาก และมีการผลิตยุทโธปกรณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นรถเกราะ หรือ เครื่องบิน จึงได้มีการตกลงกันว่า จะนัดหารือระหว่างผู้แทนของการทหารทั้งสองฝ่าย เพื่อหารือในรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม นายนิกรเดช ย้ำว่า ทริปนี้ถือเป็นการปูทางก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมาเยือน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ฉะนั้นในช่วงปลายเดือนนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางมาพร้อมกับทีมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ และนักธุรกิจไทย เพื่อหารือด้านธุรกิจต่อไป และติดตามผลต่อจากที่ นายมาริษ ได้พูดคุยกับบริษัทเอกชนไว้แล้ว ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ และ ความสนใจของทั้งสองประเทศก็ตรงกัน จึงคาดว่าจะเพิ่มพูนการลงทุนในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
กระแสในโซเชียลชวนคนไทยแบนท่องเที่ยวเกาหลีใต้ เนื่องจากถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.ปฏิเสธการเข้าเมือง ทั้งที่เข้าไปโดยถูกต้องนั้น นายนิกรเดช ระบุว่า ไทย-เกาหลีใต้ รับทราบว่าประเด็นนี้เป็นปัญหา และกำลังเร่งแก้ไขร่วมกันกับกรมการกงสุลของทั้งสองประเทศ เพราะขณะนี้ลามไปกระทบความรู้สึกประชาชนด้วย โดยในระยะแรกคนไทยที่เข้าไปในเกาหลีใต้จะต้องได้รับการอำนวยความสะดวกเหมือนกับคนทั่วไป ไม่ได้ถูกเพ่งเล็ง ส่วนในระยะถัดไปคือเรื่องของแรงงานไทย กลุ่มแรงงานมีทักษะที่จะเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้ ซึ่งพูดคุยกันว่าจะให้อยู่ในระยะยาว ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องหารือในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ นายนิกรเดช เชื่อว่า ความรู้สึกร่วมของรัฐบาลที่มีเจตนารมย์ทางการเมืองที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา จะทำให้กระแสที่ประชาชนต่อต้านลดลง และสามารถแก้ไขปัญหาได้แน่นอน ซึ่งทางฝ่ายเกาหลีใต้อยากจะให้รัฐบาลให้ความรู้ความเข้าใจกับคนไทยว่าจะต้องเข้าไปทำงานอย่างถูกต้องตามระบบและกฎหมาย