เวียดนามตั้ง โต เลิม เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ มีอำนาจสูงสุดในประเทศ

โต เลิม
โต เลิม (ภาพโดย MINH HOANG/Pool via REUTERS)

ประธานาธิบดี โต เลิม ของเวียดนาม ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ หลังจากเลขาธิการฯคนก่อนถึงแก่กรรมเพียง 2 สัปดาห์ ผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจมีการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือด และการแข่งขันอาจไม่จบเร็ว

วันที่ 3 สิงหาคม 2024 มติชนรายงานอ้างอิงรอยเตอร์ (Reuters) ว่า ประธานาธิบดีโต เลิม (To Lam) ของเวียดนาม ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคเวียดนามควบอีกตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว แทนที่นายเหวียน ฝู จ่อง (Nguyen Phu Trong) ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมไปเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2024

ประธานาธิบดีโต เลิม เข้ารับทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมาตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม หนึ่งวันก่อนหน้าที่ เหวียน ฝู จ่อง จะเสียชีวิตเนื่องจากสุขภาพที่ย่ำแย่ลง

เจ้าหน้าที่ทางการเวียดนามแถลงว่า ผู้แทนพรรคมีมติเป็นเอกฉันท์ในการแต่งตั้งให้นายเลิมดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ จากนั้นประธานาธิบดีเลิมได้กล่าวกับผู้แทนพรรคโดยให้คำมั่นว่าเขาจะสืบทอดและส่งเสริมมรดกของนายจ่อง ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเพิ่มเติมว่า โต เลิม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีเวียดนามเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2024 ต่อจาก หวอ วัน เถือง (Vo Van Thuong) ที่ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โต เลิม เติบโตจากการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงความมั่นคงสาธารณะมานานกว่า 40 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะในปี 2016 เขาถือเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินนโยบายต่อต้านและปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นนโยบายที่ เหวียน ฝู จ่อง ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามให้ความสำคัญ

Advertisment

ทั้งนี้ การที่โต เลิม ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในเวลาไม่นานหลังจากตำแหน่งว่างลง ถือว่าผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตำแหน่งระดับสูงสุดที่ว่างลงนี้จะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือดในคณะกรรมการกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและคณะกรรมการบริหารกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม แม้ว่าโต เลิม เป็นตัวเต็งอันดับ 1 แต่นักวิเคราะห์มองว่าไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะได้รับตำแหน่ง เนื่องจากมีกลุ่มอื่น ๆ ในพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ไม่ต้องการให้เขามีอำนาจมากขนาดนั้น