“ทรัมป์” เผยจนท. “มะกัน” พบ “โสมแดง” เตรียมการหารือผู้นำ 2 ชาติ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ทวีตข้อความระบุว่า ทีมเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้เดินทางไปถึงเกาหลีเหนือเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างเขาและนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือแล้ว ซึ่งถือเป็นการยืนยันครั้งแรกว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐได้เดินทางเข้าไปยังเกาหลีเหนือ เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากที่ทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกการพบปะดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนจะกลับมาพิจารณาว่าจะพบกับนายคิม จอง อึน อีกครั้งหนึ่ง

“ผมเชื่อมั่นอย่างจริงใจว่าเกาหลีเหนือมีอนาคตอันสดใส และจะกลายเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจและการเงินในวันหนึ่ง ซึ่งคิม จอง อึน ก็เห็นด้วยกับผมในเรื่องนี้ มันจะเกิดขึ้นแน่นอน” ทรัมป์ทวีต

ก่อนหน้านี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุว่า ทีมเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือเพื่อเตรียมการสำหรับความเป็นไปได้ในการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสองที่เขตปลอดทหารในหมู่บ้านปันมุนจอมระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

รายงานข่าวระบุว่าคณะเจ้าหน้าที่ของสหรัฐนำโดยนายซุง คิม อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเกาหลีใต้ ได้หารือกับนางโช ซอน ฮุย รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือ โดยเป้าหมายของการหารือคือการกำหนดหัวข้อของการพูดคุยในการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำทั้งสอง

การเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การหารือครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างผู้นำสหรัฐที่ยังอยู่ในตำแหน่งกับผู้นำเกาหลีเหนืออาจเกิดขึ้นตามกำหนดการที่วางไว้แต่เดิมคือในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์

ขณะที่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำเนียบขาวเผยว่าสหรัฐยังได้ส่งทีมล่วงหน้าไปยังสิงคโปร์ เพื่อเตรียมการสำหรับการดำเนินการด้านโลจิสติกส์สำหรับการประชุมดังกล่าวแล้วเช่นกัน

นักวิเคราะห์มองว่าสหรัฐต้องการให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ก่อนที่จะมีการให้รางวัลในรูปของการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้นำเกาหลีเหนือต้องการให้มีการดำเนินการเป็นขั้นตอนในลักษณะต่างตอบแทนทั้งจากเกาหลีเหนือและสหรัฐ แน่นอนว่าความต้องการหลักของเกาหลีเหนือพุ่งเป้าไปที่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร แต่ขณะเดียวกันเกาหลีเหนือก็ต้องการให้สหรัฐลดจำนวนทหารที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ด้วย ซึ่งทรัมป์ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามแนวทางที่เกาหลีเหนือต้องการทั้งหมด

 

ที่มา : มติชนออนไลน์