เกษตรกรในสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้รัฐบาลรับประกันว่า ภายหลังถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกกันว่ากระบวนการเบร็กซิต นายจ้างชาวอังกฤษจะยังมีสิทธิ์ในการจ้างแรงงานจากสหภาพยุโรปได้อยู่
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
บีบีซี รายงานว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรของสหราชอาณาจักรกว่า 100 แห่ง นำโดย “ไมเน็ตต์ แบทเทอร์” ประธานสหภาพเกษตรกรแห่งชาติ รวมตัวยื่นจดหมายแก่นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกหนังสือปกขาวเกี่ยวกับนโยบายแรงงานอพยพ ภายหลังรัฐบาลประกาศว่า ภาคเกษตรจะสามารถจ้างงานพลเมืองอียูได้ถึงแค่เดือนธันวาคม 2020 เท่านั้น
ภาคการเกษตรในอังกฤษมีการใช้แรงงานที่เป็นพลเมืองจากประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรปเป็นจำนวนมาก โดยมาทำงานในทั้งรูปแบบระยะยาว ยืดหยุ่น และตามฤดูกาล ทำให้บรรดาเกษตรกรเกิดความกังวลใจว่าหลังเบร็กซิต ประเทศจะขาดแคลนแรงงานในภาคนี้ หากรัฐบาลไม่จัดทำนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อยืนยันว่าเกษตรกรอังกฤษจะยังคงสามารถจัดหาแรงงานถาวรและแรงงานตามฤดูกาลได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปก็ตาม
ในจดหมายที่ยื่นให้รัฐบาล ยังเรียกร้องให้รัฐบาล เจรจาให้การค้ากับสหภาพยุโรปปราศจากแรงเสียดทาน, พัฒนานโยบายทางการเกษตรที่เพิ่มห่วงโซ่ทางอาหารได้ โดยยังคงรักษาคุณภาพเดิม และ เรียกร้องให้รัฐบาลมีนโยบายที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม
แบทเทอร์ กล่าวเสริมด้วยว่า การออกจากสหภาพยุโรป ทำให้อังกฤษสูญเสียความเป็นผู้นำด้านการผลิตอาหาร และจะส่งผลเสียต่อภูมิทัศน์ประเทศ เศรษฐกิจ ตลอดจนอาจก่อให้เกิดวิกฤตทางสังคม
อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลได้ออกมาแถลงว่า “รัฐบาลได้ชัดเจนว่า จนกระทั่งถึงธันวาคม 2020 ผู้ว่าจ้างจะยังคงจ้างงานแรงงานจากสหภาพยุโรปได้อย่างเสรีในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูป และผู้ที่เข้ามาทำงานในสหราชอาณาจักรก่อนหน้าช่วงเวลาดังกล่าว จะมีสิทธิในการพำนักต่อ ทางรัฐบาลพยายามที่สุดที่จะหาข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับ 2 ฝ่าย ไม่ใช่เพียงแค่ด้านการเป็นผู้นำทางอาหาร หรือด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของเราเท่านั้น”