
สหภาพแรงงานขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศของสหรัฐเริ่มประท้วงหยุดงานวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ตามเวลาท้องถิ่น ท่าเรือหลักต้องปิดทำการอย่างไม่มีกำหนด ทำให้การขนส่งทางทะเลครึ่งหนึ่งของสหรัฐต้องหยุดชะงัก นักวิเคราะห์ประมาณการตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
วันที่ 1 ตุลาคม 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า สมาชิกสหภาพแรงงานขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศ (International Longshoremen’s Association union หรือ ILA) ซึ่งเป็นผู้แทนคนงาน 45,000 คน เริ่มหยุดงานประท้วง ซึ่งเป็นการหยุดงานครั้งแรกของสหภาพแรงงานในรอบเกือบ 50 ปี ด้านนักวิเคราะห์ประเมินการหยุดงานอาจทำให้เศรษฐกิจเสียหายประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ต่อวัน (ราว 162,000 ล้านบาท) เกิดขึ้นจากข้อพิพาทเกี่ยวกับปัญหาค่าจ้างและโครงการระบบอัตโนมัติของเทอร์มินัลท่าเรือ
สัญญาจ้างงานระหว่างสหภาพแรงงานและกลุ่มนายจ้างพันธมิตรทางทะเลแห่งสหรัฐอเมริกา (the United States Maritime Alliance หรือ USMX) สิ้นสุดลงเมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มนายจ้างระบุในแถลงการณ์ว่า ได้เสนอที่จะขึ้นค่าจ้างเกือบ 50% และอื่น ๆ แต่ไม่เป็นผล
ทั้งนี้ สัญญาฉบับก่อนหน้า เรตค่าจ้างเริ่มจาก 20 ดอลลาร์สหรัฐถึง 39 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง (ราว 600 บาท ถึง 1,200 บาท) นอกจากนี้ ยังมีค่าตอบแทนอื่น ๆ อาทิ เช่น โบนัส
บีบีซี (BBC) รายงานว่า ฮาโรลด์ แด็กเกตต์ ผู้นำสหภาพแรงงานกล่าวว่า สหภาพแรงงานต้องการเห็นการเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงอีก 5 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 160 บาท) ตลอดอายุสัญญา 6 ปี ซึ่งประเมินว่าจะเท่ากับประมาณ 10% ต่อปี
ทั้งนี้ เป็นเวลาหลายเดือนที่แด็กเกตต์ขู่ว่าจะปิดท่าเรือ 36 แห่งที่สหภาพแรงงานของเขาดูแลอยู่ หากนายจ้างอย่างบริษัทผู้ประกอบกิจการเรือขนส่งสินค้าเมอส์ก (Maersk MAERSKb.CO) และเอพีเอ็ม เทอร์มินัลส์ นอร์ท อเมริกา (APM Terminals North America ) ไม่ขึ้นค่าจ้างอย่างมีนัยสำคัญและหยุดโครงการเทอร์มินัลอัตโนมัติเสีย
การหยุดงานของคนงานท่าเรือจะทำให้ท่าเรือต่าง ๆ ทั่วสหรัฐต้องปิดตัวลงอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งครอบคลุม 14 ท่าเรือใหญ่ตามแนวชายฝั่งตะวันออกและทางใต้ ท่าเรือเหล่านี้รับผิดชอบจัดการการขนส่งทางทะเลประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศ ส่งผลให้การขนส่งทางตู้คอนเทนเนอร์ชะงักงัน ตั้งแต่รัฐเมนไปจนถึงเทกซัส กระทบการค้าและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี และช่วงเทศกาลจับจ่ายซื้อของช่วงวันหยุดอย่างเทศกาลฮัลโลวีนและคริสต์มาส
ตามข้อมูลของสหพันธ์ฟาร์มอเมริกัน (American Farm Bureau Federation หรือ AFBF) ระบุว่า สินค้าที่ต้องนำเข้าตามเวลาที่กำหนด อาทิ อาหาร มีแนวโน้มที่จะเป็นสินค้ากลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ และท่าเรือเหล่านี้ส่งออกสินค้าเกษตรทางทะเลประมาณ 14% ตลอดจนขนส่งสินค้านำเข้ามากกว่าครึ่งหนึ่ง รวมถึงสินค้ากล้วยและช็อกโกแลตจำนวนมาก
นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน (JP Morgan) คาดว่า การหยุดงานจะส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐสูญเสียราว 5,000 ล้านดอลลาร์ต่อวัน (ราว 160,000 ล้านบาท) เนื่องจากการขนส่งอาหาร สินค้าปลีก และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากท่าเรือที่พลุกพล่านหลายแห่ง เช่น นิวยอร์ก บัลติมอร์ และฮิวสตัน จะต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ผู้ค้าปลีกสต็อกสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักในช่วงวันหยุด
การหยุดงานประท้วงของสมาชิกสหภาพแรงงาน นับเป็นการหยุดงานครั้งแรกของสหภาพทั่วชายฝั่งตะวันออกและทางใต้ นับตั้งแต่ปี 1977 หรือเกือบ 50 ปี
นางซูซาน คลาร์ก ประธานหอการค้าสหรัฐ เรียกร้องให้นายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ใช้อำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดีในการป้องกันการหยุดงานประท้วงเป็นเวลา 80 วัน โดยกล่าวว่าการปล่อยให้ข้อพิพาทเรื่องสัญญาจ้างงานก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจเช่นนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวย้ำว่าจะไม่พิจารณาใช้กฎหมายแทฟต์-ฮาร์ตลีย์ (Taft-Hartley Act) ของรัฐบาลกลางเพื่อยุติการหยุดงานประท้วง ซึ่งหากบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้จะมีผลให้คนงานต้องกลับไปทำงานในขณะที่ก็เจรจาต่อรองไปด้วย ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อปี 2002 จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน เข้าแทรกแซงเพื่อเปิดท่าเรือหลังจากที่คนงานท่าเรือบนชายฝั่งตะวันตกหยุดงานประท้วงเป็นเวลา 11 วัน