รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่นคนใหม่ เล็งรีสตาร์ตเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

โยจิ มูโตะ รมว.เศรษฐกิจภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของญี่ปุ่นเตรียมรีสตาร์ตเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่หยุดทำงานจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะเมื่อหลายปีก่อน กลับไปใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นแหล่งพลังงานหลักเพื่อตอบสนองดีมานด์ไฟฟ้าที่อาจสูงขึ้นจากการใช้งานด้านเอไอและศูนย์ข้อมูล พร้อมประกาศพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่ ๆ 

วันที่ 2 ตุลาคม 2024  บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า โยจิ มูโตะ (Yoji Muto) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) คนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นจะต้องใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากคาดว่า ภาคธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และศูนย์ข้อมูล (ดาตา เซนเตอร์) จะกระตุ้นความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยรัฐบาลชุดใหม่จะพิจารณารีสตาร์ตเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ให้ได้มากที่สุดตราบเท่าที่ยังปลอดภัยอยู่

มูโตะ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อวาน (1 ตุลาคม) กล่าวว่า เป็นเรื่อง “ธรรมดา” ที่ญี่ปุ่นจะแสวงหาพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นโดยไม่เพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอน

ความเคลื่อนไหวของมูโตะชี้ให้เห็นถึงการสานต่องานของฟูมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) อดีตนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ญี่ปุ่นหันกลับมาใช้พลังงานนิวเคลียร์ในฐานะแหล่งพลังงานหลักอีกครั้ง หลังจากที่เครื่องปฏิกรณ์หลายแห่งยังคงหยุดทำงานหลังจากภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ในจังหวัดฟุกุชิมะเมื่อปี 2011 ด้านชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นเคยกล่าวในการหาเสียงว่า ญี่ปุ่นควรลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานดังกล่าว แต่ต่อมากล่าวว่า เขาจะสนับสนุนการรีสตาร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีอยู่เดิม

ความคิดเห็นดังกล่าวของอิชิบะทำให้หุ้นของบริษัทสาธารณูปโภคญี่ปุ่นลดลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าการผลักดันการใช้พลังงานนิวเคลียร์ของรัฐบาลใหม่จะส่งผลกระทบเชิงลบ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูโลก เนื่องจากหลายประเทศหันมาใช้กระบวนการทางนิวเคลียร์เพื่อให้ได้ไฟฟ้าที่เสถียรและปลอดการปล่อยก๊าซมลพิษเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้า 

รัฐมนตรีมูโตะยังกล่าวอีกว่า ญี่ปุ่นจะต้องปกป้องอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของประเทศ โดยการพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่ ๆ โดยขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังดำเนินการแก้ไขแผนพลังงานเชิงยุทธ์ศาสตร์หลังจากปี 2030 ซึ่งจะกำหนดสัดส่วนการใช้พลังงานรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน คิดเป็นสัดส่วน 70%