
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิสราเอลทั้งในและต่างประเทศรวมถึงสหรัฐเฝ้าระวังและออกประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงภัยจากกลุ่มก่อการร้ายเนื่องในวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกเข้าโจมตีในประเทศอิสราเอล ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลกำลังชั่งน้ำหนักวิธีเอาคืนอิหร่าน
วันที่ 7 ตุลาคม 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า กองกำลังความมั่นคงในอิสราเอลและต่างประเทศรวมถึงสหรัฐยังเฝ้าระวังการโจมตีก่อการร้ายจากกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลัง ในวันครบ 1 ปีเหตุการณ์ฮามาสบุกเข้าไปในอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 ราย เมื่อ 7 ตุลาคม ปี 2023 ขณะเดียวกันรัฐบาลอิสราเอลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กำลังพิจารณาวิธีตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลเกือบ 200 ลูกถล่มอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

หนึ่งวันก่อนจะครบรอบ 1 ปี นับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม อิสราเอลยังคงเผชิญสงครามหลายแนวรบที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุดที่ชัดเจน โดยส่งทหารกลับไปยังฉนวนกาซาตอนเหนือ และยังคงโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วง รวมทั้งเคลื่อนไหวภาคพื้นดินในเลบานอนอย่างจำกัด ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพกลางของสหรัฐ (Centcom) เดินทางมาร่วมประชุมในอิสราเอลและจะพบกับหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง
กองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศและทางบกในเมืองจาบัลยา ทางเหนือของฉนวนกาซาเมื่อคืนนี้ (7 ตุลาคม) ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า มีข้อบ่งชี้ถึงผู้ก่อการร้ายและโครงสร้างพื้นฐานด้านการก่อการร้ายในพื้นที่จาบัลยา รวมถึงความพยายามของกลุ่มฮามาสในการสร้างรื้อฟื้นขีดความสามารถในการปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าวขึ้นใหม่อีกครั้ง ตอกย้ำถึงความซับซ้อนและไม่ง่ายเลยในการเอาชนะกลุ่มฮามาส
ทั้งนี้ ตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขภายใต้ฮามาสระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซามากกว่า 41,000 รายในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าว ไม่ได้แยกระหว่างผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนและผู้สู้รบ

ในเลบานอน ตั้งแต่ช่วงเช้าและกลางคืนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนวันครบรอบเหตุการณ์ 7 ตุลาคม กองทัพอิสราเอลถล่มทางอากาศอย่างหนักและถี่ โดยเน้นที่ชานเมืองทางใต้ของเบรุต รวมถึงเลบานอนตอนใต้และทางตะวันออกของเขตหุบเขาเบกา ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมระหว่างเลบานอนกับซีเรีย มีเป้าหมายที่โครงสร้างพื้นฐานและคลังอาวุธของฮิซบอลเลาะห์ และในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้เปิดฉากปิดล้อมทางอากาศ ทางบก และทางทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านลักลอบขนอาวุธและยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ ให้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ประชาชนมากกว่า 1,500 รายเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเลบานอนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผู้พลัดถิ่นประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งอ้างอิงตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่เลบานอน
พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอลหรือไอดีเอฟ กล่าวเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จนถึงขณะนี้ นักรบฮิซบอลเลาะห์ 440 นาย ซึ่งในจำนวนนี้ 30 นายเป็นผู้บัญชาการระดับต่าง ๆ เสียชีวิตจากทั้งการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้นดินของอิสราเอล และผลจากการปฏิบัติการทางภาคพื้นดินในหมู่บ้านใกล้ชายแดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สามารถทำลายเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้กว่า 2,000 แห่ง รวมทั้งอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานใต้ดิน ซึ่งกองกำลังรัดวัน (Radwan Forces) ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้วางแผนให้ใช้ในการรุกรานอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานอีกว่า ขณะเดียวกันนายพลไมเคิล คูริลลา (Michael Kurilla) ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (Centcom) เดินทางถึงอิสราเอลเมื่อวันเสาร์เพื่อประชุมกับหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอล ทั้งนี้ฝ่ายสหรัฐ ไม่ต้องการให้อิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์หรือโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำมันของอิหร่าน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในภูมิภาคที่กว้างขึ้นและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ส่วนเป้าหมายอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือเป้าหมายทางทหารหรือเกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองของอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวว่า เขาไม่สนับสนุนการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ราล์ฟ กอฟฟ์ อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเออาวุโสและหัวหน้าสถานีซีไอเอ 6 สมัย กล่าวในไซเฟอร์ บรีฟ (The Cipher Brief) กล่าวว่า “ผมไม่คิดว่าอิสราเอลจะทำตาม”
ด้านสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิออกประกาศร่วมกันเตือนว่าเหตุการณ์โจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อ 1 ปีที่แล้วนั้นอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผู้ก่อการร้ายและผู้ก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชังใช้ความรุนแรงหรือคุกคามความปลอดภัยของประชาชนได้