
โพลรอยเตอร์/อิปซอสเผยว่า คามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตสามารถครองใจชาวชานเมืองและชนชั้นกลาง โดยมีคะแนนแซงหน้าทรัมป์ และแม้ขณะนี้ในระดับประเทศโดยรวมแฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ แต่รัฐสมรภูมิยังมีคงความสำคัญในการตัดสินผลเลือกตั้งประธานาธิบดี
วันที่ 11 ตุลาคม 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ผลการวิเคราะห์โพลของรอยเตอร์/อิปซอส ( Reuters/Ipsos) แสดงให้เห็นว่าคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตทำลายข้อได้เปรียบของโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน สามารถครองใจชาวชานเมืองและครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลาง โดยแฮร์ริสนำหน้าทรัมป์ในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตชานเมือง 47% ต่อ 41% รวมถึงได้เสียงสนับสนุนจากครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลาง 45% ต่อ 43%
ชาวชานเมืองซึ่งคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐ และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติพอ ๆ กับทั้งประเทศสหรัฐโดยรวม ถือเป็นรางวัลสำคัญเลยทีเดียว จะเห็นได้จากไบเดนเอาชนะทรัมป์ในเขตชานเมืองด้วยคะแนนประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020
ก่อนที่ไบเดนจะถอนตัวจากการแข่งขัน ทรัมป์มีคะแนนนิยมในกลุ่มชาวชานเมืองนำไบเดน 43% ต่อ 40% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้อย่างหนักของพรรคเดโมแครตในการปลุกพลังผู้สนับสนุน ก่อนที่ต่อมาแฮร์ริสเริ่มลดช่องว่างเมื่อเปิดตัวหาเสียงในเดือนกรกฎาคม และในการสำรวจตลอดเดือนกันยายนและตุลาคม แฮร์ริสนำทรัมป์ 47% ต่อ 41% ในกลุ่มนี้
ในช่วงเวลาเดียวกัน ในหมู่ครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางระหว่าง 50,000 ถึง 100,000 ดอลลาร์ (ราว 1.6 ถึง 3.3 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ คะแนนนิยมของทรัมป์ลดลงจากที่มีคะแนนนำไบเดน 44% ต่อ 37% กลายเป็นตามหลังแฮร์ริส 43% ต่อ 45% ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวมีค่าความคลาดเคลื่อนราว 3 จุด
ทรัมป์คว้าชัยชนะในกลุ่มนี้ได้ 52%-47% ในปี 2020 อ้างอิงตามการวิเคราะห์เอ็กซิตโพลของศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center)
โพลของรอยเตอร์ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่าเศรษฐกิจเป็นปัญหาอันดับ 1 ก่อนการเลือกตั้ง และในการสำรวจที่ทำขึ้นในเดือนตุลาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46% กล่าวว่าทรัมป์เป็นผู้สมัครที่ดีกว่าสำหรับเศรษฐกิจ นำหน้าแฮร์ริสซึ่งมี 38% ถึง 8 จุด การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าทรัมป์เป็นผู้สมัครที่น่าเชื่อถือมากกว่าในเรื่องนโยบายคนเข้าเมืองและอาชญากรรม ทรัมป์บอกกับผู้สนับสนุนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า เขาเป็นผู้สมัครที่จะทำให้เขตชานเมืองปลอดภัย และรับรองว่าผู้อพยพที่เข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมายจะถูกจัดการให้พ้นไปจากเขตชานเมือง
ทรัมป์กล่าวโทษรัฐบาลของไบเดน ว่าเป็นสาเหตุของภาวะเงินเฟ้อ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันชนชั้นกลาง ในขณะเดียวกัน แฮร์ริสก็ให้ความสำคัญอย่างมาก จะเห็นได้จากการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับคำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มขนาดของชนชั้นกลาง นอกจากนี้ เธอยังได้รับเลือกในการสำรวจบ่อยครั้งว่าเป็นผู้สมัครที่ดีกว่าในแง่การปกป้องประชาธิปไตยและแสดงจุดยืนต่อต้านลัทธิหัวรุนแรงทางการเมือง
เดวิด วาสเซอร์แมน (David Wasserman) นักวิเคราะห์การเมืองจากคุก โพลิติคัล รีพอร์ต (Cook Political Report) กล่าวว่า การที่แฮร์ริสเน้นเรื่องความสามารถในการซื้อได้นั้น ได้ผลอย่างมากในการลดข้อได้เปรียบของทรัมป์ในเรื่องเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ และกล่าวอีกว่าแฮร์ริสดูเหมือนจะทำผลงานได้ดีในกลุ่มคนชานเมืองที่ค่อนข้างร่ำรวย ซึ่งอาจมีทัศนคติเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ในขณะที่การทำผลงานได้ดีในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีรายได้ปานกลางนั้นอาจเป็นผลมาจากคำมั่นสัญญาของแคมเปญหาเสียงตามปกติของเธอที่จะช่วยเหลือครอบครัวชนชั้นกลาง
คะแนนนิยมระดับชาติของแฮร์ริสยังคงนำหน้า แต่รัฐสมรภูมิยังคงมีความสำคัญ ผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะตัดสินจากผลการเลือกตั้งในรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญ 7 รัฐ ได้แก่ แอริโซนา มิชิแกน เพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโรไลนา เนวาดา วิสคอนซิน และจอร์เจีย ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นยังแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันสูสีกัน
อย่างไรก็ตาม การชนะการเลือกตั้งในหมู่ชนชั้นกลาง ไม่ว่าจะเป็นในระดับประเทศหรือในรัฐสำคัญของการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป ยกตัวอย่างในการเลือกตั้งปี 2016 ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งได้รับคะแนนเสียงจากชนชั้นกลางมากกว่าทรัมป์เกือบ 3 ล้านคะแนนทั่วประเทศ และเอาชนะทรัมป์ในเขตชานเมืองไปประมาณ 1 จุดเปอร์เซ็นต์ ก็ยังแพ้การเลือกตั้ง เมื่อทรัมป์พลิกกลับชนะใน 6 รัฐที่เคยลงคะแนนให้พรรคเดโมแครตในปี 2012