หุ้นชิปทั่วโลกเสียมูลค่าตลาดรวมกัน 420,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14 ล้านล้านบาท) ในวันเดียว หลังบริษัทเครื่องจักรผลิตชิป ASML ปรับลดคาดการณ์รายได้ปีหน้า ทำหุ้นดิ่งหนักสุดในรอบ 26 ปี และจุดชนวนการเทขายหุ้นทั้งอุตสาหกรรม
วันที่ 16 ตุลาคม 2024 บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า หุ้นของบริษัทผลิตเครื่องจักรผลิตชิป อาเอสเอ็มแอล โฮลดิง (ASML Holding NV) ที่ร่วงลง 15.64% ในการซื้อขายวันที่ 15 ตุลาคม ได้จุดชนวนให้เกิดการเทขายหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมชิป ทำให้ดัชนีหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปทั้งที่ซื้อขายในสหรัฐและในเอเชียสูญเสียมูลค่าตลาด (Market Cap) ไปรวมกันมากกว่า 420,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านล้านบาท) หลังจากที่หุ้นกลุ่มนี้เพิ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ไปเมื่อต้นสัปดาห์
หุ้นของ ASML ที่ร่วงลง 15.64% เป็นการร่วงแรงที่สุดในรอบ 26 ปี นับตั้งแต่ปี 1998 หลังจากที่ ASML ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปี 2025 ลง เนื่องจากคาดการณ์ว่ายอดขายชิปในหมวดอื่นยกเว้นชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะชะลอลง โดยปรับคาดการณ์ระดับสูงสุดของรายได้ในปี 2025 ลงมาที่ 35,000 ล้านยูโร จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่มีขอบบนสุดของช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 40,000 ล้านยูโร
แม้ว่า ASML คาดการณ์ว่าปี 2025 ยอดขายจะอ่อนแอจากยอดขายชิปที่ไม่ใช่ชิปสำหรับ AI รวมถึงการใช้จ่ายที่ลดลงของอินเทล คอร์ป (Intel Corp.) หนึ่งในผู้ผลิตชิปรายใหญ่ และปัจจัยอื่น ๆ ประกอบกัน แต่อาติฟ มาลิก (Atif Malik) นักวิเคราะห์จากกลุ่มธุรกิจการเงินซิตี้กรุ๊ป (Citigroup Inc.) วิเคราะห์ว่า ขนาดของการปรับลดคาดการณ์นั้นมากจนสร้างความประหลาดใจในด้านลบ
การขาดทุนของหุ้นชิปที่ซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม นำโดยบริษัทในกลุ่มเดียวกันกับ ASML รวมถึง โตเกียว อิเล็กตรอน (Tokyo Electron Ltd.) ซึ่งร่วงลงมากถึง 10% และหุ้นของไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.) หรือ TSMC ลดลง 3.3%
แม้จะมีปฏิกิริยาเชิงลบจากตลาดในทันทีต่อการปรับคาดการณ์ของ ASML แต่ผู้ลงทุนบางส่วนมองว่าปัญหาของ ASML อาจเป็นปัญหาเฉพาะเจาะจงของ ASML เอง โดยมองว่าลูกค้าของ ASML ลดคำสั่งซื้อด้วยเหตุผลเชิงกลยุทธ์ ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเป็นกลยุทธ์การลดต้นทุนหรือกลยุทธ์อื่นใด แต่ในภาพกว้างยังคงเห็นความคึกคักของความต้องการชิปจากเซกเตอร์ AI นอกจากนั้น ความพยายามของรัฐบาลจีนในการฟื้นเศรษฐกิจก็ถูกมองว่าจะช่วยให้ตลาดชิปฟื้นตัวในวงกว้างขึ้น