เตือนอิหร่าน! สหรัฐห้ามยิวโจมตีไม่ได้ หลังเพนตากอนส่ง B-52 ไปตะวันออกกลาง

เครื่องบินบี-52 สตราโตฟอร์เทรส ซึ่งบินโดยกัปตันวิล ไบเออร์ส และพันตรีทอม อแรนดา กำลังเตรียมตัวเติมเชื้อเพลิงเหนือน่านฟ้าอัฟกานิสถานในระหว่างภารกิจสนับสนุนทางอากาศ (ภาพ รอยเตอร์ผ่านทางกองทัพอากาศสหรัฐ)

รัฐบาลสหรัฐเตือนอิหร่านว่า สหรัฐไม่สามารถห้ามอิสราเอลไม่ให้โจมตีอิหร่านได้ หากอิหร่านโจมตีอิสราเอลอีก คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดบี -52 ไปประจำการตะวันออกกลาง

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2024 แอกซีออส (Axios) รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐและอดีตเจ้าหน้าที่อิสราเอลว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา รัฐบาลโจ ไบเดนของสหรัฐได้เตือนอิหร่านไม่ให้โจมตีอิสราเอลอีกครั้ง  และระบุอีกว่า สหรัฐจะไม่สามารถห้ามอิสราเอลได้ หากอิหร่านโจมตี

“เราบอกอิหร่านแล้วว่า เราไม่สามารถยับยั้งอิสราเอลได้ และเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะมีการกำหนดระดับและกำหนดเป้าหมายเหมือนครั้งก่อน” เจ้าหน้าที่สหรัฐ กล่าว

หลังจากที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อตอบโต้การลอบสังหารผู้นำฮิซบอลเลาะห์ นายทหารระดับสูงของอิหร่าน ต่อมาอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีเป้าหมายทางทหาร แต่ไม่โจมตีโรงงานผลิตนิวเคลียร์หรือน้ำมันของอิหร่าน

ก่อนหน้านี้ แอกซีออส ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของสหรัฐรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอิสราเอล ซึ่งชี้ว่า อิหร่านกำลังเตรียมที่จะโจมตีอิสราเอลจากดินแดนอิรักในไม่กี่วันที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน

อิหร่านให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ และอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวเมื่อ 2 ตุลาคม ว่า สหรัฐและอิสราเอลจะต้องได้รับการตอบสนองอย่างรุนแรง และเอสมาอิล โควซารี สมาชิกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติในรัฐสภาอิหร่าน กล่าวในวันเดียวกันว่า คณะมนตรีความมั่นคงอิหร่านได้ตกลงกันว่าจะตอบโต้ แต่ยังไม่กำหนดวันและขอบเขตที่ชัดเจน

Advertisment

โควซารีกล่าวอีกว่า การโจมตีครั้งนี้จะทำงานร่วมกับแกนนำแห่งการต่อต้านอื่นๆ ในภูมิภาค และจะรุนแรงกว่าการโจมตีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งอิหร่านยิงขีปนาวุธพิสัยไกล 180 ลูกไปยังอิสราเอล

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวจากสหรัฐ กระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) เตรียมประจำการเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 สตราโตฟอร์เทรส (B-52 Stratofortress) ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์พิสัยไกล เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงและเรือพิฆาตในภูมิภาคตะวันออกกลาง นับเป็นการปรับทรัพยากรของกองทัพสหรัฐในภูมิภาคใหม่ เนื่องจากเรือบรรทุกฝูงเครื่องบินโจมตียูเอสเอสอับราฮัม ลินคอล์น  เตรียมออกจากภูมิภาค

Advertisment

กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนว่า การประจำการทรัพยากรทางทหารดังกล่าวจะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้าและได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของการเคลื่อนย้ายของกองทัพสหรัฐทั่วโลก

ทั้งยังกล่าวเตือนอิหร่านหากโจมตีสหรัฐในช่วงที่มีการจัดกองกำลังใหม่ “หากอิหร่าน หุ้นส่วนของอิหร่านรวมถึงตัวแทนใช้ช่วงจังหวะนี้ที่จะโจมตีทหารหรือผลประโยชน์ของอเมริกันในภูมิภาค สหรัฐอเมริกาจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องประชาชนของสหรัฐ” พลตรีแพทริก ไรเดอร์ โฆษกกองทัพเรือสหรัฐกล่าว

สหรัฐมีเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำในตะวันออกกลางในช่วงที่ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่สงครามอิสราเอลกับฮามาสเมื่อเดือนตุลาคม 2023

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า การถอนเรือลินคอล์นจะทำให้ขาดเรือบรรทุกเครื่องบินไป 1 ลำ จนกว่าลำอื่นจะเข้ามาแทนที่ ซึ่งเป็นไปตามวงรอบ

สหรัฐอเมริกาให้คำมั่นที่จะป้องกันอิสราเอลจากการถูกโจมตีและเพื่อคุ้มครองกองกำลังของสหรัฐในตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงถูกโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังในซีเรีย อิรัก จอร์แดนและนอกชายฝั่งเยเมน

การจัดวางกำลังเหล่านี้รวมถึงเรือพิฆาตป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลขั้นสูง ฝูงบินขับไล่เพิ่มเติม เครื่องบินบรรทุกน้ำมัน และเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล บี-52 ตามข้างต้นช่วยขยายฐานทัพทหารสหรัฐ ในพื้นที่ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น