จีดีพีอินโดนีเซียในไตรมาส 3 ปี 2024 โต 4.95% ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีคนใหม่ให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายเติบโต 8% ภายใน 5 ปีที่ดำรงตำแหน่ง แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทายมาก
นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย (Statistics Indonesia) เผยข้อมูลในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียไตรมาส 3 เติบโตเพิ่มขึ้น 4.95% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) ชะลอลงจากการเติบโต 5.05% ในไตรมาส 2 และต่ำกว่าคาดการณ์ 5% จากแบบสำรวจนักวิเคราะห์ที่รอยเตอร์จัดทำไว้เล็กน้อย
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย พบว่าช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา การบริโภคภาคเอกชนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 4.91% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกโตขึ้น 9.09%
อมาเลีย วิทยาสันติ (Amalia Widyasanti) หัวหน้าสำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียกล่าวว่า การบริโภคครัวเรือนในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าไตรมาส 2 เป็นผลจากการใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า รองเท้า และบ้านที่ลดลง ส่วนภาคที่มีการเติบโตมากสุดในไตรมาส 3 คืออุตสาหกรรมแปรรูปโลหะและภาคก่อสร้าง ซึ่งสอดคล้องกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานในเมืองหลวงแห่งใหม่และที่อื่น ๆ
สองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ในวันที่วันที่ 20 ตุลาคม ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabowo Subianto) เข้าพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายเติบโต 8% ภายใน 5 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นักวิเคราะห์มองว่าท้าทายมาก เนื่องจากมีการเลิกจ้างครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมที่มีการใช้กำลังแรงงานอย่างเข้มข้น เช่น รองเท้าและสิ่งทอ ตลอดจนอุตสาหกรรมเทคซึ่งครั้งหนึ่งเคยขยายตัว
ตลอด 10 ปีก่อนหน้านี้ภายใต้การปกครองของ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตเฉลี่ย 5% ต่ำกว่าเป้าหมายของวิโดโดที่ 7%
ผู้สังเกตการณ์ต่างจับตาแผนงาน 100 วันแรกของประธานาธิบดีปราโบโวอย่างใกล้ชิด ว่าเขาจะบริหารรัฐสภาที่มีนักการเมืองมากกว่าเทคโนแครตให้มาช่วยนำทางอินโดนีเซียผ่านสถานการณ์ความท้าทายทางเศรษฐกิจระดับโลกนี้อย่างไร ซึ่งปราโบโวเน้นย้ำว่าลำดับความสำคัญอันดับต้น ๆ อยู่ที่ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน
โฮเซียนา สิตูโมรัง (Hosianna Situmorang) นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ดานามอน (Bank Danamon) กล่าวว่า ถ้าไม่มีการกระตุ้นอย่างมีนัยสำคัญ อัตราการเติบโต 5% นับว่าค่อนข้างท้าทาย เป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศที่ลดลง ซึ่งการรักษากำลังซื้อถือเป็นความท้าทายตลอด 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาถึงมาตรการคลังที่มีความ “จำเป็นอยู่แล้ว” สำหรับแผนการของปราโบโว เช่น โครงการอาหารฟรี
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายด้านงบประมาณอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลมีหนี้ขนาดมหาศาลที่จะครบกำหนดชำระในระหว่างปี 2025 และ 2030
ธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 จะได้รับแรงหนุนโดยการบริโภคภายในประเทศ การลงทุนยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะภาคการก่อสร้าง สอดคล้องกับหลายโครงการยุทธศาสตร์ชาติ
เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโต 5.05% ในปี 2023 ชะลอตัวลงจาก 5.31% ในปี 2022 เนื่องจากมีการส่งออกที่อ่อนแอ ซึ่งในปี 2024 นี้ ธนาคารกลางคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 4.7% ถึง 5.5%