หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายชนะ ส่วนคามาลา แฮร์ริส จากเดโมแครต พ่ายแพ้ รอยเตอร์ (Reuters) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เหตุผลที่ คามาลา แฮร์ริส ทำคะแนนได้แย่กว่าที่คาด
รอยเตอร์วิเคราะห์ว่า การที่แฮร์ริสไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงานทรงอิทธิพลแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นพันธมิตรของพรรคเดโมแครตมาอย่างยาวนาน เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอพ่ายแพ้
ในบทวิเคราะห์ดังกล่าว รอยเตอร์กล่าวถึงการประชุมของแฮร์ริสกับสหภาพแรงงานทีมสเตอร์ส (International Brotherhood of Teamsters) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา แฮร์ริสกล่าวว่าเธอเองจะปกป้องงานของสหภาพแรงงานและความเป็นอยู่ของคนงานได้ดีกว่า โดนัลด์ ทรัมป์
แต่ผู้นำของสหภาพแรงงานทีมสเตอร์ดูเหมือนจะไม่เชื่อมั่นคำพูดของเธอ เมื่อแฮร์ริสโต้แย้งว่าทรัมป์ไม่ใช่ผู้สนับสนุนชนชั้นแรงงาน ผู้นำสหภาพแรงงานจึงถามเธอว่า ตัวเธอเองและประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ช่วยเหลือคนงานเพียงพอแล้วหรือยัง และไม่กี่วันหลังจากนั้น สหภาพแรงงานก็ทำให้แฮร์ริสต้องอับอาย โดยการปฏิเสธที่จะรับรองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996 หรือครั้งแรกในรอบ 28 ปี
นอกจากนั้น รอยเตอร์วิเคราะห์ว่าแคมเปญหาเสียงของแฮร์ริสล้มเหลวในการเอาชนะความกังวลที่ฝังรากลึกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นคู่ขนานที่การสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ได้คะแนนจากเรื่องเหล่านี้
“การพ่ายแพ้ของเธอเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการการเมืองของอเมริกาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนใช้แรงงาน (Blue-collar voter) หันมาสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าทรัมป์เป็นผู้เร่งให้แนวโน้มนี้เกิดขึ้นเร็วขึ้น” รอยเตอร์ระบุ
เมลิสสา เด็กแมน (Melissa Deckman) นักรัฐศาสตร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิจัย พับลิก รีลิเจียน รีเสิร์ช อินสทิทิวต์ (Public Religion Research Institute : PRRI) แสดงความเห็นว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐในยุคหลังโควิด-19 จะเติบโตค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นในทางเศรษฐกิจ และในจังหวะเช่นนี้ ทีมหาเสียงของแฮร์ริสไม่สามารถอธิบายได้ดีพอว่านโยบายของเธอจะช่วยเหลือชนชั้นกลางได้อย่างไร ข้อความที่สื่อออกมาในการหาเสียงของเธอไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากนัก
นอกจากนั้น รอยเตอร์วิเคราะห์ว่า แฮร์ริสต้องดิ้นรนเพื่อสู้กับกระแสข่าวปลอมในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเลือกตั้งของสหรัฐยุคปัจจุบัน