หนีภาษีทรัมป์ รัฐบาลไต้หวันเตรียมช่วยบริษัทย้ายฐานการผลิตออกจากจีน 

ลูกโลกอยู่หน้าธงชาติจีนและไต้หวัน ภาพโดย REUTERS/Dado Ruvic
ลูกโลกอยู่หน้าธงชาติจีนและไต้หวัน ภาพโดย REUTERS/Dado Ruvic

รัฐบาลไต้หวันเตรียมช่วยเหลือบริษัทย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางภาษีขนาดใหญ่ของทรัมป์ ที่จะเก็บภาษีสินค้าที่ผลิตในจีนอย่างน้อย 60% 

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า กัว จื้อฮุย (Kuo Jyh-huei) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันกล่าวในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2024 ว่า ไต้หวันจะช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ของไต้หวันในการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากกำแพงภาษีขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา

ทรัมป์ผู้ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคม 2025 เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มเป็นอัตรา 60% เป็นอย่างน้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนได้

ตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา บริษัทต่าง ๆ ของไต้หวันลงทุนในจีนเป็นมูลค่ามหาศาล แต่ทางรัฐบาลไต้หวันซึ่งคอยระวังความกดดันที่เพิ่มขึ้นจากรัฐบาลจีน เกี่ยวกับการอ้างสิทธิเหนืออธิปไตยของไต้หวัน และคอยสนับสนุนให้บริษัทต่าง ๆ ย้ายการลงทุนไปที่อื่นแทน

กัว จื้อฮุย พูดกลางรัฐสภาว่า ผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษีต่อจีนของทรัมป์ จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ต่อภาคการผลิตของบริษัทไต้หวัน และย้ำว่าทางรัฐบาลจะรีบช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้ ยังไม่มีการแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมใด ๆ จากทางภาครัฐเกี่ยวกับแผนการดังกล่าว

นอกจากนี้ กัว จื้อฮุย ยังถูกสมาชิกรัฐสภาสอบถามเกี่ยวกับข้อกังวล ว่าทรัมป์อาจยกเลิกเงินอุดหนุนแก่ ทีเอสเอ็มซี (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกสัญชาติไต้หวัน ซึ่งลงทุนกว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) ตั้งโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนา โดยกัว จื้อฮุย กล่าวว่าทีเอสเอ็มซีจะขยายการลงทุนในสหรัฐอเมริกาต่อไป

Advertisment

โกลบอลเวเฟอร์ (GlobalWafers) ของไต้หวันซึ่งลงทุนในอเมริกาสูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.37 แสนล้านบาท) กล่าวกับทางรอยเตอร์ว่า โกลบอลเวเฟอร์หวังให้กฎหมายสนับนุนอุตสาหกรรมชิป (Chips and Science Act หรือ CHIPS Act) ที่ดึงดูดการลงทุนด้านงานวิจัยและการผลิตชิปบนแผ่นดินอเมริกาจะยังคงบังคับใช้ต่อไปภายใต้รัฐบาลใหม่ โดยระบุผ่านแถลงการณ์ว่า โครงการที่มีการดำเนินงานหลายปี เช่น CHIPS Act และข้อตกลงอื่น ๆ ที่เคยลงนามไว้จะได้รับการดำเนินงานตามปกติโดยรัฐบาลชุดต่อไป

นอกจากนี้ ไต้หวันและสหรัฐยังได้เจรจาข้อริเริ่มทางการค้าหลายประการ ซึ่งไต้หวันหวังว่าจะนำไปสู่ข้อตกลงการค้าเสรีในหลายภาคส่วน

Advertisment

เหยียน ฮุ่ยซิน (Yen Huai-shing) รองผู้แทนการค้าของไต้หวัน ตั้งข้อสังเกตว่า การเจรจาหุ้นส่วนเพื่อความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวัน-สหรัฐ (Taiwan-US Economic Prosperity Partnership Dialogue, EPPD) หนึ่งในกลไกทวิภาคีสำคัญจะเริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 

อย่างไรก็ตาม เหยียน ฮุ่ยซิน มองว่า แม้โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ จะสังกัดพรรคการเมืองที่ต่างกัน แต่ก็มีข้อที่คล้ายกันคือ ความเป็นมิตรต่อไต้หวันและการแลกเปลี่ยนทางทวิภาคีที่เพิ่มมากขึ้น