ยอดขายสินค้าหรูในญี่ปุ่นสวนทางจีน ตลาดใหญ่ของโลกที่ตอนนี้เริ่มหันมาใช้ของก๊อปกันมากขึ้น เหตุนักท่องเที่ยวล้นทะลักประเทศในช่วงค่าเงินเยนอ่อนตัวลง คาดญี่ปุ่นอาจกลายมาเป็นตลาดหลักอุตสาหกรรมแบรนด์เนม
Business Insider รายงานว่า ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของญี่ปุ่นที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวแห่ช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมจนแบรนด์ต้องออกมาตรการรับมือลูกค้าที่ไหลทะลักเข้ามาในประเทศ ด้วยการจองคิวล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดคาดว่าสาเหตุมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง ทำให้ราคาสินค้าแบรนด์เนมถูกกว่าที่อื่น
ตลาดแบรนด์เนมญี่ปุ่นกำลังโต
ยอดขายสินค้าในญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมแบรนด์เนมที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุปสงค์ที่ลดลงจากตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน ย้อนกลับไปในไตรมาส 2 ของปี 2024 พบว่ายอดขายแบรนด์ LVMH เพิ่มขึ้น 57% และแบรนด์ Gucci เติบโตขึ้น 27% ก่อนยอดขายทั้ง 2 แบรนด์จะลดลงในช่วงไตรมาส 3 จากค่าเงินเยนที่แข็งตัวขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้กระแสการจับจ่ายชะลอตัวลง
แม้ว่าการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวจะลดลง แต่ชาวญี่ปุ่นก็กำลังเริ่มก้าวผ่านยุคประหยัดและเริ่มใช้จ่ายฟุ่มเฟือยกันมากขึ้น
ยกตัวอย่าง Hermès แบรนด์เนมที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน อาทิ Birkin กระเป๋ารุ่นที่แพงที่สุดของแอร์เมสขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบของงานฝีมือ และคุณภาพที่ดี สะท้อนตัวตนของคนญี่ปุ่นที่ต้องการสินค้าแบรนด์เนมที่มีความเรียบง่าย ดูดีมีระดับ และไม่กระโตกกระตาก
ความต้องการของคนญี่ปุ่นที่ชัดเจน ทำให้แอร์เมส รวมถึงแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์คล้ายกันสามารถซื้อใจลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้ เนื่องจากพวกเขาให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความละเอียดอ่อน และความเรียบง่ายมากกว่าความโอ่อ่า ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จ ขณะที่แบรนด์ Prada และ Louis Vuitton ก็มีชื่อเสียงในประเทศมาอย่างยาวนานจากการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
ญี่ปุ่นเบียดจีนตกอันดับ
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็น 1 ในตลาดสำคัญของอุตสาหกรรมแบรนด์เนมเสมอมา แต่หากย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2010 จะพบว่าจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ต่างจากปัจจุบันที่สถานการณ์โลกกำลังเปลี่ยนแปลง ทำให้จีนไม่ใช่แหล่งทำกำไรของอุตสาหกรรมนี้อีกต่อไป ตามกระแสในปี 2024 ของก๊อปเกรด A ที่คนจีนเรียกว่า Pingti (平提) กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีการลอกเลียนแบบให้เหมือนกับของแท้เกือบ 100% หนำซ้ำยังมีราคาที่ถูกกว่ากันหลายเท่า
ด้านผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านการตลาดของบริษัทในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลงในปีนี้ คนจีนก็เริ่มเสิร์ชหาของก๊อปในโซเชียลมีเดียมากกว่าปี 2022 เป็นสามเท่า และด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทแบรนด์เนมต่าง ๆ เริ่มเอนความสนใจไปตีตลาดญี่ปุ่นกันมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่า แบรนด์เนมที่ต้องการตีตลาดญี่ปุ่น สินค้าจะต้องสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคได้ อย่างเรื่องราวของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ ความงดงามที่ไม่มีวันหมดอายุ และคุณภาพที่พิถีพิถัน ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ชาวญี่ปุ่นต้องการ