
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐหารือทางโทรศัพท์ครั้งแรกกับวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียนับตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง โดยทรัมป์แนะนำให้ปูตินไม่ยกระดับความุรนแรงในสงครามยูเครน ขณะที่โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐมีแผนจะล็อบบี้ทรัมป์ไม่ให้ทอดทิ้งยูเครน
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐหารือทางโทรศัพท์กับวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย พร้อมกันนี้ทรัมป์ได้แนะนำไม่ให้ยกระดับความรุนแรงในสงครามยูเครน ขณะที่โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐมีแผนจะเรียกร้องทรัมป์ไม่ให้ทอดทิ้งยูเครน
รอยเตอร์ระบุเพียงว่า การหารือทางโทรศัพท์เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แต่ไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัด ด้านวอชิงตันโพสต์ (Washington Post) สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานเป็นที่แรกระบุว่า การหารือทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูตินเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นับเป็นการหารือทางโทรศัพท์ครั้งแรกระหว่างสองคน นับตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเมื่อ 5 พฤศจิกายน
ในการหารือทางโทรศัพท์ทรัมป์ได้แสดงความสนใจในการหารือครั้งต่อไปเพื่อติดตามการแก้ไขสงครามในยูเครนเร็วๆนี้ ซึ่งทรัมป์ได้ให้คำมั่นในระหว่างการหาเสียงที่จะแก้วิกฤตยูเครนก่อนวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่มีกำหนดในวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งจุดประสงค์ในการหารือครั้งนี้ เพื่อถกกันถึงสันติภาพในยุโรป
ก่อนหน้าการหารือกับปูติน ทรัมป์ก็ได้หารือกับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์ระดับความช่วยเหลือทางทหารและการเงินของสหรัฐต่อยูเครน และให้คำมั่นจะยุติสงครามโดยเร็ว แต่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐก็ไม่ได้กล่าวว่าจะทำอย่างไร
ด้านกระทรวงการต่างประเทศยูเครนระบุว่า ทางกระทรวงฯไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูติน และจึงไม่อาจรับรองหรือปฏิเสธการหารือทางโทรศัพท์ดังกล่าวได้
ด้านสตีเฟ่น เช็ง ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของทรัมป์ระบุว่า ไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ที่เป็นส่วนตัวระหว่างทรัมป์และผู้นำโลกคนอื่นๆ
ด้านไบเดนได้ส่งหนังสือเชิญทรัมป์มาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ โดยเจก ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวระบุว่า ประเด็นหารือที่ไบเดนให้ความสำคัญอันดับต้นคือการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติและจะหารือกับทรัมป์เกี่ยวกับสถานการณ์ในยุโรป เอเชียและรวมถึงตะวันออกกลาง
“ประธานาธิบดีไบเดนจะมีโอกาสในช่วง 70 วันข้างหน้านี้เพื่อชี้แจงต่อรัฐสภาและรัฐบาลชุดใหม่ว่าสหรัฐไม่ควรถอนตัวจากยูเครน เนื่องจากการถอนตัวจากยูเครนจะส่งผลให้เกิดความไร้เสถียรภาพในยุโรปเพิ่มมากขึ้น” ซัลลิแวนกล่าวในรายการเฟซเดอะเนชั่นหรือ Face the Nation ของช่องซีบีเอสนิวส์
ความเคลื่อนไหวของซัลลิแวนเกิดขึ้นเกิดขึ้นในช่วงที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อวาน (10 พฤศจิกายน) ด้วยโดรนอย่างน้อย 34 ลำ ถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มสงคราม ซึ่งไม่ได้ก่อความเสียหายในระดับใหญ่