
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 14 พฤศจิกายน เวลา 08.41 น.อัพเดตล่าสุดเมื่อเวลา 09.23 น.
สื่อรายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจัดทำบัญชีรายชื่อการปลดนายทหารระดับสูงในกระทรวงกลาโหมครั้งใหญ่ รายงานข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากทรัมป์ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนใหม่
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจัดทำรายชื่อนายทหารที่จะถูกไล่ออก ซึ่งมีความเป็นไปได้ด้วยว่าอาจรวมถึงคณะเสนาธิการทหารร่วม นับเป็นความเคลื่อนไหวที่สั่นสะเทือนกระทรวงกลาโหมสหรัฐอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แหล่งข่าวเผยกับรอยเตอร์ว่า แผนไล่ออกอยู่ในขั้นแรกหลังจากชัยชนะของทรัมป์เมื่อ 5 พฤศจิกายน และแผนนี้อาจเปลี่ยนในขณะที่ทรัมป์กำลังตั้งคณะรัฐมนตรีก็ได้ด้วย
หนึ่งในแหล่งข่าวตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของการไล่ออกครั้งใหญ่ที่กระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) และก็ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะรับรองแผนไล่ออกนี้หรือไม่ด้วย แม้ว่าในอดีตทรัมป์ตำหนิบรรดาผู้นำในกระทรวงแห่งนี้ ซึ่งพากันวิพากษ์วิจารณ์เขา นอกจากนี้ ในระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ได้กล่าวเกี่ยวกับการไล่นายพลที่มีลักษณะโวก (woke) ออก และรวมถึงผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการทำให้การถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานเกิดปัญหาเมื่อปี 2021
แหล่งข่าวคนที่สองระบุว่า รัฐบาลใหม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐที่มีสายสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับมาร์ก มิลลีย์ (Mark Milley) อดีตประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมในตอนที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก
มิลลีย์กล่าวในหนังสือ War เขียนโดย บอบ วูดวาร์ด ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เรียกทรัมป์ว่า “ฟาสซิสต์ถึงแก่น” และพันธมิตรหลายคนของทรัมป์พุ่งเป้ามิลลีย์ เนื่องจากมองว่าเขาแสดงความไม่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี
“ทุกคนที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งโดยมิลลีย์จะถูกไล่ออก” แหล่งข่าวกล่าว และว่ามีรายละเอียดรายชื่อของทุกคนที่ภักดีต่อมิลลีย์แล้ว และจะถูกไล่ออกด้วย ซึ่งอาจมุ่งเป้าที่ผู้สืบทอดของนายพลมิลลีย์ ซึ่งคือนายพลชาร์ลส์ ควินตัน บราวน์ จูเนียร์ หรือ ซี.คิว. บราวน์ หรือ (Charles Quinton Brown Jr. หรือ C.Q. Brown) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมคนปัจจุบัน
คณะเสนาธิการทหารร่วม (Joint Chiefs of Staff) ประกอบด้วยนายทหารชั้นสูงที่สุดในกองทัพสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้ากองทัพบก กองทัพเรือ นาวิกโยธิน กองทัพอากาศ หน่วยป้องกันชาติ และกองกำลังอวกาศ
การเปิดเผยถึงแผนการไล่ออกครั้งใหญ่ในกระทรวงกลาโหมนี้เกิดขึ้นห่างกันหนึ่งวัน หลังจากทรัมป์ประกาศแต่งตั้งพีทหรือปีเตอร์ เฮกเซธ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งพีทเป็นพิธีกรช่องฟ็อกซ์นิวส์และทหารผ่านศึกนั้น ส่งสัญญาณถึงความเต็มใจที่จะยกเครื่องกระทรวงกลาโหมใหม่
“ประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไปจำเป็นต้องยกเครื่องนายทหารระดับสูงในกระทรวงกลาโหมอย่างรุนแรง เพื่อให้เราพร้อมที่จะปกป้องประเทศชาติและเอาชนะศัตรู มีคนจำนวนมากที่ต้องถูกไล่ออก” เฮกเซธกล่าวในหนังสือของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 2024 เรื่อง “The War on Warriors : Behind the Betrayal of the Men Who Keep Us Free”
แหล่งข่าวรายแรกกล่าวว่า การไล่ออกและแทนที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องยาก โดยชี้ให้เห็นว่าแผนการดังกล่าวอาจเป็นการข่มขู่และแสดงท่าทีโดยพันธมิตรของทรัมป์เท่านั้น
แต่แหล่งข่าวรายที่สองชี้ว่า ฝ่ายทรัมป์เชื่อว่าคณะเสนาธิการทหารร่วมจำเป็นต้องลดขนาดลง เนื่องจากมองว่าระบบราชการมีอำนาจเกินขอบเขต ซึ่งการลดจำนวนคนดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ในองค์กรที่มีขนาดใหญ่เท่ากับกองทัพสหรัฐ
แหล่งข่าวรายนี้บอกอีกว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่จะแทนที่ไม่ได้ พวกเขาเป็นคนที่สามารถแทนที่ได้ และมีคนจำนวนมากมายที่พร้อมจะแทนที่ ซึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐแต่งตั้งคนในวัย 30 ปี หรือคนที่มีความสามารถที่จะเป็นนายพลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งต่อมาสหรัฐก็ชนะสงคราม