เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (Federal Reserve System) กล่าวถ้อยคำที่สั่นสะเทือนตลาดเงินตลาดทุนอีกครั้งโดยการบอกว่า ยังไม่มีสัญญาณถึงความจำเป็นที่จะต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ย
ประธานเฟดกล่าวถ้อยคำดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสภาฝ่ายกิจการโลก (World Affairs Council) ธนาคารกลางสหรัฐสาขาดัลลัส และหอการค้าภูมิภาคดัลลัส ณ เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ พาวเวลล์กล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่า “ได้ผ่านพ้นช่วงโรคระบาด และกลับมาอยู่ในจุดที่ดีอีกครั้ง” โดยแยกเป็น 4 ประเด็น ซึ่ง “ประชาชาติธุรกิจ” คัดเลือกเนื้อหาส่วนสำคัญมาดังต่อไปนี้
การเติบโตของเศรษฐกิจ
ในภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า ผลงานทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดีอย่างน่าทึ่ง ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่น ๆ ผลผลิตทางเศรษฐกิจเติบโตมากกว่า 3% เมื่อปีที่แล้ว (2023) และขยายตัวในอัตรา 2.5% ในปีนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การลงทุนทางธุรกิจเร่งตัวขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ในทางตรงกันข้าม กิจกรรมในภาคอสังหาทริมทรัพย์สำหรับอยู่อาศัยกลับอ่อนแอ
สภาพอุปทานที่ดีขึ้นช่วยสนับสนุนผลงานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจ จำนวนแรงงานขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผลิตภาพ (productivity) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเติบโตเร็วกว่าช่วง 2 ทศวรรษก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ทำให้ศักยภาพในการผลิตเพิ่มขึ้น และช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วโดยไม่ร้อนแรงเกินไป
ตลาดแรงงาน
ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า ตลาดแรงงานยังคงอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่ง โดยเย็นลงจากสภาวะที่ร้อนแรงเกินไปอย่างมีนัยสำคัญเมื่อ 2-3 ปีก่อน และในตอนนี้หลาย ๆ ตัวชี้วัดกลับมาอยู่ในระดับปกติมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของธนาคารกลางในด้านการสร้างเสถียรภาพของตลาดงาน จำนวนตำแหน่งงานว่างในปัจจุบันสูงกว่าจำนวนคนอเมริกันที่กำลังหางานอยู่เล็กน้อย อัตราการลาออกจากงานของคนงานลดลงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว หลังจากที่แตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน ค่าจ้างยังคงเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ยั่งยืนขึ้น ส่วนจำนวนการจ้างงานชะลอตัวลงจากช่วงต้นปี
รายงานการจ้างงานล่าสุดในเดือนตุลาคมสะท้อนถึงผลกระทบที่สำคัญจากพายุเฮอริเคน และการหยุดงานประท้วงของคนงานท่าเรือ ซึ่งทำให้ยากต่อการรับสัญญาณที่ชัดเจนของตลาดงาน อัตราการว่างงานที่ 4.1% สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ แต่ก็ทรงตัวในเมื่อเทียบกับช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์
ภาวะเงินเฟ้อ
สำหรับภาวะเงินเฟ้อ พาวเวลล์กล่าวว่า ตลาดแรงงานเย็นลงจนไม่สามารถเป็นแหล่งที่มาสำคัญของแรงกดดันเงินเฟ้อได้อีกต่อไปแล้ว ด้วยการที่ตลาดแรงงานเย็นลงบวกกับการปรับปรุงเงื่อนไขด้านอุปทานอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากจุดสูงสุดในช่วงกลางปี 2022 ซึ่งอยู่ที่อัตราสูงกว่า 7%
มาตรวัดเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมที่อยู่อาศัย ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และกลับมาอยู่ที่อัตราใกล้เคียงกับเป้าหมายของธนาคารกลาง แต่คาดว่าอัตราเหล่านี้จะยังคงขยับขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในช่วงอัตราที่เห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดถึงการลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเงินเฟ้อในหมวดบริการที่อยู่อาศัย ซึ่งยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่ อัตราเงินเฟ้อกำลังขยับเข้าใกล้เป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2% มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงจุดนั้น
“เรามุ่งมั่นที่จะทำงานให้แล้วเสร็จ ด้วยสภาพตลาดแรงงานที่ยังอยู่ในภาวะสมดุลและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ยังอยู่ในระดับที่มั่นคง ผมคาดว่าเงินเฟ้อจะยังมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 2% ของเรา แม้ว่าบางครั้งจะอยู่ในเส้นทางที่ไม่แน่นอนก็ตาม”
นโยบายการเงิน
สำหรับประเด็นนโยบายการเงิน ประธานเฟดกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการนโยบายการเงินของรัฐบาลกลางได้ลดระดับความเข้มงวดนโยบายการเงินโดยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% หลังจากที่พิจารณาแล้วว่ามีความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อและภาวะตลาดแรงงานเย็นลง
คณะกรรมการฯเชื่อมั่นว่าการปรับลดนโยบายการเงินอย่างเหมาะสม จะทำให้รักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานไว้ได้ และคณะกรรมการให้ความสำคัญกับความเสี่ยงทั้งสองด้าน โดยตระหนักดีว่า การลดความเข้มงวดของนโยบายลงเร็วเกินไปอาจขัดขวางความคืบหน้าของการลดเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน การลดความเข้มงวดของนโยบายช้าเกินไปก็อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานอ่อนแอลงอย่างไม่สมควร
พาวเวลล์ยืนยันว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินกำลังปรับนโยบายไปสู่จุดที่เป็นกลางมากขึ้น แต่เส้นทางที่จะไปถึงจุดนั้นไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ในการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม คณะกรรมการฯจะประเมินจากข้อมูลที่เข้ามาใหม่ แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป และชั่งน้ำหนักความเสี่ยงสองด้านอย่างรอบคอบ
“เศรษฐกิจไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ว่าเราจำเป็นต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ยลง ความแข็งแกร่งที่เราเห็นในเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เรามีความสามารถที่จะตัดสินใจอย่างรอบคอบ ในท้ายที่สุด แนวทางของอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาใหม่และแนวโน้มพัฒนาการทางเศรษฐกิจ”
ประธานเฟดยืนยันอีกครั้งว่า คณะกรรมการฯยังคงมุ่งมั่นต่อพันธกรณีคู่ขนานสองประการที่รัฐสภามอบให้ นั่นคือการจ้างงานอย่างเต็มที่และรักษาเสถียรภาพด้านราคา เป้าหมายของคณะกรรมการฯคือการนำอัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่ระดับเป้าหมายโดยไม่เพิ่มความเจ็บปวดจากอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งสำหรับชุมชน ครอบครัว และธุรกิจ
“แม้ว่าภารกิจนี้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มีความคืบหน้ามากแล้ว”