ยูเครนยิง ATACMS ใส่รัสเซียแล้ว พุ่งเป้าคลังอาวุธ ผู้เชี่ยวชาญชี้มาช้าไป

นักเรียนนายร้อยจุดเทียนระหว่างพิธีรำลึกครบรอบ 1,000 วันการโจมตียูเครนเต็มรูปแบบของรัสเซีย บริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์มาตุภูมิในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2024 (รอยเตอร์)

ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐยิงเข้าไปในรัสเซีย พุ่งเป้าคลังเก็บอาวุธในภูมิภาคเบรียนสค์ในห้วงที่สงครามดำเนินมาครบ 1,000 วัน ด้านผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า การความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นช้าเกินไป ซึ่งไม่น่าสงผลต่อสงครามอย่างมีนัยสำคัญ

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า กองทัพยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ยิงโจมตีรัสเซียแล้วเป็นครั้งแรกในห้วงที่สงครามดำเนินมาครบ 1,000 วัน ในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐที่กำลังจะหมดวาระอนุญาต ด้านผู้เชี่ยวชาญการทหารระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นช้าเกินไป

ภาพ รอยเตอร์

กองทัพรัสเซียระบุว่าได้ยิงทำลายขีปนาวุธ 5 ลูก จาก 6 ลูกที่มุ่งเป้ามายังอาคารทางทหารในภูมิภาคเบรียนสค์ ซึ่งเศษซากจรวดโดนสถานที่ดังกล่าวทำให้เกิดเพลิงไหม้ แต่ถูกดับอย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

กองทัพยูเครนระบุว่า ทางกองกำลังได้โจมตีคลังเก็บอาวุธที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียราว 110 กิโลเมตร นับเป็นการโจมตีที่ทำให้เกิดการระเบิดรอบสอง แม้กองทัพยูเครนไม่เปิดเผยว่าใช้อาวุธอะไรในการโจมตี แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐยืนยันว่ายูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS (ระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีของกองทัพบกสหรัฐ ซึ่ง ATACMS ย่อมาจาก Army Tactical Missile System ) และการโจมตีเกิดขึ้นที่จุดส่งกระสุน

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่าหน่วยป้องกันภัยทางอากาศได้ทำลายโดรนยูเครน 42 ลำ โดยในพื้นที่ตอนใต้และตอนกลางรวมอย่างน้อย 8 ลำ รวมถึง 32 ลำในภูมิภาคเบรียนสค์น ช่วงเวลาระหว่าง 21.00-23.55 น. เมื่อ 19 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น

เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การอนุมัติให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีในดินแดนรัสเซียถือเป็นการกระทำที่เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง ว่าชาติตะวันตกต้องการยกระดับสงครามขึ้นไปอีก ทางการรัสเซียยังระบุอีกว่า การยิงขีปนาวุธดังกล่าวต้องได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐ และจึงทำให้การใช้อาวุธสหรัฐโจมตีรัสเซียเท่ากับสหรัฐเข้าร่วมสงครามโดยตรง

ADVERTISMENT

การโจมตีดังกล่าวจากฝ่ายยูเครนเกิดขึ้นในช่วงที่ยูเครนรำลึกสงครามครบ 1,000 วัน ด้วย 1 ใน 5 ของดินแดนยูเครนตกอยู่ในการยึดครองของรัสเซียและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกในอนาคตจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) ในนครนิวยอร์ก เซอร์จี คีสลิตเซีย เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหประชาชาติ อ่านแถลงการณ์ยูเครนและประเทศอื่น ๆ รวมอีก 42 ประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป (EU) ในโอกาสที่สงครามครบ 1,000 วัน ซึ่งแถลงการณ์ปฏิเสธความพยายามผนวกดินแดนยูเครนโดยมิชอบด้วยกฎหมายของรัสเซียและเรียกร้องให้ถอนกำลังทันที

ADVERTISMENT

ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารระบุว่า การใช้ขีปนาวุธสหรัฐช่วยป้องกันดินแดนในภูมิภาคเคิร์สก์ที่ยูเครนยึดมาจากรัสเซียได้เล็กน้อย ซึ่งไว้สำหรับเป็นเครื่องต่อรอง แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างเด็ดขาดต่อสงครามที่ดำเนินมา 33 เดือนนี้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวดังกล่าวมาช้าเกินไปแล้ว

ไมเคิล คอฟแมน นักวิจัยอาวุโสจากมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศกล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้มาช้า และเช่นเดียวกับการตัดสินใจอื่น ๆ ในลักษณะนี้เช่นกัน อาจจะสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการสู้รบอย่างมีนัยสำคัญ

ขีปนาวุธ ATACMS ที่มีพิสัย 300 กิโลเมตรนั้น สั้นกว่าขีปนาวุธของรัสเซียบางลูกที่ใช้ยิงยูเครน ซึ่งรวมถึงคินซาล ขีปนาวุธเหนือเสียงที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร

ด้าน วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ลงนามในหลักการทางนิวเคลียร์ฉบับใหม่ในวันเดียวกับที่สงครามครบ 1,000 วัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีจุดประสงค์เพื่อเป็นคำเตือนต่อรัฐบาลสหรัฐ โดยหลักการใหม่ดังกล่าวจะลดเกณฑ์ที่รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ลง เพื่อให้รวมถึงการตอบสนองต่อการโจมตีที่คุกคามบูรณภาพแห่งดินแดน