ปูตินเปิดทางหารือข้อตกลงหยุดยิงสงครามยูเครนกับทรัมป์ มาพร้อมเงื่อนไข

วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียหารือกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐในการประชุมสุดยอดจี 20 นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 28 มิถุนายน 2019 (รอยเตอร์)

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเปิดทางหารือข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครนกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมระบุเงื่อนไขที่รัสเซียยอมไม่ได้ ด้านยูเครนยิงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ของอังกฤษใส่ภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียต่อเนื่องจากการยิงขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐ 

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานอ้างแหล่งข่าวเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2024 ว่า วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเปิดทางหารือกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครน แต่มาพร้อมเงื่อนไขที่รัสเซียไม่ยอมรับการประนีประนอมที่ทำให้สูญเสียดินแดนสำคัญใด ๆ และยืนยันว่ารัฐบาลยูเครนต้องไม่เข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้

รายงานข่าวเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ทรัมป์ ซึ่งได้ให้คำมั่นจะยุติสงครามโดยเร็ว กำลังจะหวนคืนสู่ทำเนียบขาวอีกรอบในช่วงที่รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงคราม โดยควบคุมดินแดนยูเครนขนาดเท่ารัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐและกำลังรุกคืบอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่การเริ่มบุกยูเครนเมื่อปี 2022

ก่อนหน้านี้ ซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานเมื่อ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า สงครามในยูเครนจะยุติเร็วขึ้นเมื่อทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ในการให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุเผยแพร่และกระจายเสียงสาธารณะของยูเครนเมื่อ 15 พฤศจิกายน และยังกล่าวอีกว่า ยูเครนจะทำสุดความสามารถเพื่อให้สงครามยุติภายในปีหน้า (2025) โดยใช้วิธีทางการทูต

เงื่อนไขของรัสเซีย

นับเป็นการรายงานข่าวที่มีรายละเอียดครั้งแรกเกี่ยวกับว่า ปูตินจะยอมรับข้อตกลงหยุดยิงที่ทรัมป์เป็นตัวแทนในการไกล่เกลี่ย โดยรอยเตอร์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่รัสเซียรวม 5 คนทั้งในอดีตและปัจจุบันระบุว่า รัฐบาลรัสเซียอาจตกลงอย่างกว้าง ๆ ยุติความขัดแย้งตามแนวรบด่านหน้า

รัฐบาลรัสเซียจะอ้างว่า 4 ภูมิภาค ได้แก่ โดเนตสค์ ลูฮันสค์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียทั้งหมด ซึ่งมีกองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซียควบคุม 70-80% ของพื้นที่ ส่วนอีกประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตรยังคงถูกกองทหารยูเครนยึดครอง

ADVERTISMENT

รัสเซียอาจเปิดทางที่จะถอนตัวจากพื้นที่ส่วนเล็ก ๆ ที่ครอบครองในภูมิภาคคาร์คิฟและไมโคไลฟ ทางตอนเหนือและใต้ของยูเครน

เมื่อเดือนนี้เองที่ปูตินระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงใด ๆ ก็ตามควรสะท้อนถึงความเป็นจริงในพื้นที่ แต่ปูตินเกรงว่าข้อตกลงหยุดยิงระยะสั้นอาจเป็นเพียงการเปิดทางให้ชาติตะวันตกสามารถเสริมกำลังยูเครนได้

ADVERTISMENT

แหล่งข่าวกล่าวว่า หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง จากนั้นรัสเซียจะสู้ต่อไป

แม้รัสเซียจะไม่ทนต่อการที่ยูเครนจะเข้าร่วมนาโต้ หรือการที่ทหารนาโต้เข้าประจำการในยูเครน แต่ฝ่ายรัสเซียก็จะเปิดทางหารือเกี่ยวกับการรับรองความมั่นคงปลอดภัยของยูเครนด้วย

รัสเซียกำลังจะชนะ

รัสเซียควบคุมดินแดน 18% ของดินแดนทั้งหมดของยูเครน รวมถึงไครเมียซึ่งรัสเซียผนวกจากยูเครนในปี 2014 และดอนบาส 80% รวมภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮันสก์ และมากกว่า 70% ของภูมิภาคซาโปริซเซียและเคอร์ซอน นอกจากนี้ รัสเซียยังครอบครองภูมิภาคคาร์คิฟเกือบ 3% และดินแดนบางส่วนในไมโคไลฟด้วย รวมทั้งหมดแล้วรัสเซียมีพื้นที่ของยูเครนรวมกว่า 110,000 ตารางกิโลเมตร ในขณะที่ยูเครนยึดครองภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซียประมาณ 650 ตารางกิโลเมตร

ในประเทศ ปูตินสามารถนำเสนอข้อตกลงหยุดยิงต่อประชาชนที่ทำให้รัสเซียยึดครองดินแดนส่วนใหญ่ของ 4 แคว้น ได้แก่ โดเนตสค์ ลูฮันสค์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอน ถือเป็นชัยชนะที่รับประกันการคุ้มครองประชาชนที่พูดภาษารัสเซียที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกในยูเครนและรักษาสะพานเชื่อมไปยังไครเมียได้

เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งข่าวอาวุโสที่ทราบเรื่องการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลรัสเซียกล่าวว่า ชาติตะวันตกจะต้องยอมรับความจริงอันโหดร้ายที่ว่าความช่วยเหลือทั้งหมดที่มอบให้ยูเครนไม่สามารถป้องกันไม่ให้รัสเซียชนะสงครามได้

ยูเครนยิงสตอร์ม ชาโดว์ของอังกฤษ

กองทัพยูเครนยิงขีปนาวุธสตอร์ม ชาโดว์ (Storm Shadow) ของอังกฤษที่มีพิสัยไกล 250 กิโลเมตรใส่ภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ซึ่งอยู่ติดชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนเมื่อวาน (20 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นอาวุธของชาติตะวันตกล่าสุดที่ยูเครนได้รับอนุญาตให้ใช้โจมตีเป้าหมาย ห่างกันหนึ่งวันหลังจากยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐ ตามที่โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะหมดวาระอนุญาต

ภาพแฟ้ม สตอร์ม ชาโดว์ ขีปนาวุธนำวิถีระยะไกล ในงานจัดแสดงนวัตกรรมทางอากาศ กรุงลอนดอน เมื่อ 22 กรกฎาคม 2024 (เอเอฟพี)

ฝ่ายรัสเซียระบุว่า การใช้อาวุธตะวันตกเพื่อที่จะโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียที่อยู่ห่างจากชายแดนจะเป็นการยกระดับสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งใหญ่ ส่วนฝ่ายยูเครนระบุว่า ยูเครนจำเป็นต้องป้องกันตัวเองโดยการโจมตีฐานทัพที่ใช้สนับสนุนการรุกรานจากรัสเซีย ซึ่งเข้าสู่ 1,000 วันแล้วในสัปดาห์นี้

การยิงสตอร์ม ชาโดว์ทำให้เกิดการระเบิดอย่างน้อย 14 ครั้ง ซึ่งสื่อรัสเซียรายงานว่า ยูเครนยิงสตอร์ม ชาโดว์อย่างน้อย 12 ลูกใส่ภูมิภาคเคิร์สก์ พร้อมเผยแพร่ภาพชิ้นส่วนขีปนาวุธนี้ที่มีชื่อสตอร์ม ชาโดว์ อย่างชัดเจน ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต