
เป็นข้อเท็จจริงที่มีการพูดกันในสังคมอยู่บ่อย ๆ ว่า คนที่รวยมาก ๆ จะสามารถหาวิธีประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายได้สารพัดรูปแบบ โดยการวางแผนของที่ปรึกษาทางการเงิน อีกทั้งคนร่ำรวยยังได้ประโยชน์จากอัตราภาษีรายได้จากการลงทุนที่ต่ำ ซึ่งนั่นทำให้คนรวยสุด ๆ ระดับ 1% ถึง 2% แรกของประเทศ จ่ายภาษีน้อยกว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำลงมา เมื่อเทียบสัดส่วนภาษีกับรายได้
แต่มีบางประเทศที่ระบบภาษีเอื้อคนรวยวงกว้างไปถึง 7% แรกของประเทศ นั่นคือ “อิตาลี” ซึ่งน่าสนใจว่าทำไมตัวเลขของอิตาลีจึงต่างจากประเทศอื่น
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของอิตาลีเป็น “อัตราภาษีแบบก้าวหน้า” หรือแบบขั้นบันได แต่ภาพโดยรวมระบบภาษีของอิตาลีมีลักษณะเป็นภาษีที่ถดถอย คือ คนที่มีฐานภาษีสูง (รายได้ที่ใช้คำนวณภาษีสูง) จะจ่ายภาษีน้อยกว่าคนที่ฐานภาษีต่ำ เมื่อเทียบสัดส่วนเงินที่จ่ายภาษีต่อรายได้ ซึ่งลักษณะดังกล่าวก็เหมือนกับในอีกหลาย ๆ ประเทศ แต่ที่ต่างก็คือ ระบบภาษีของอิตาลีมีคนได้รับประโยชน์จากความถดถอยของภาษีมากกว่าในประเทศอื่น ๆ โดยครอบคลุมไปถึงคนรายได้สูง 7% แรกของประเทศ
รอยเตอร์ (Reuters) เปิดประเด็นนี้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยนำข้อมูลมาจากรายงานผลการศึกษาวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 5 คน รวมถึง อเลสซานโดร ซานโตโร (Alessandro Santoro) อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังของอิตาลี
อเลสซานโดร ซานโตโร กล่าวกับรอยเตอร์ว่า มีหลักฐานว่าการถดถอยของภาษีในอิตาลีนั้นน่าทึ่งมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกันและโครงสร้างเศรษฐกิจคล้ายกัน โดยการถดถอยของภาษีอิตาลีเกิดขึ้นและส่งผลดีต่อคนที่มีรายได้ 76,000 ยูโร ถึง 450,000 ยูโร (ประมาณ 2.73 ล้านบาท ถึง 16.18 ล้านบาท) ต่อปี
ทั้งนี้ อิตาลีเป็นประเทศที่เก็บภาษีในอัตราสูงมาก และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) หรือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วด้วยกัน โดยอัตราส่วนภาษีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 41.5% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของ OECD อยู่ที่ 34%
แต่ปัญหาของระบบภาษีอิตาลี คือ ภาระภาษียังกระจายตัวอย่างไม่เท่าเทียมกัน เพราะอัตราภาษีแต่ละประเภทของอิตาลีนั้นแตกต่างกันอย่างรุนแรง
อิตาลีกำหนดอัตราภาษีอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ทางการเงินบางประเภทไว้ต่ำ แม้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้เป็นแหล่งที่มาของรายได้ทั่วไปของคนรวยที่ควรจะจ่ายภาษีสูงกว่าคนจน ขณะที่อัตราภาษีมรดกที่ควรจะเก็บในอัตราสูงก็เก็บเพียงน้อยนิด
ส่วนอัตราภาษีเงินได้เอื้อต่อผู้ประกอบอาชีพอิสระ ในทางตรงข้าม แรงงานในระบบที่ได้รับค่าจ้างต่ำ ๆ ในอิตาลีต้องเสียภาษีและเงินสมทบประกันสังคมมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป
ความถดถอยอย่างบิดเบี้ยวนี้ส่งผลให้ผู้ที่มีรายได้ระหว่าง 29,000 ยูโร (ประมาณ 1.04 ล้านบาท) ถึง 75,000 ยูโร (ประมาณ 2.70 ล้านบาท) ต่อปี กลายเป็นผู้แบกภาระภาษี โดยคนกลุ่มนี้มีสัดส่วน 21% ของจำนวนผู้เสียภาษีทั้งหมด แต่กลับมีส่วนสนับสนุนรายได้ที่รัฐจัดเก็บจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามากกว่า 40%
ส่วนภาษีมรดกนั้น รัฐบาลอิตาลีจัดเก็บรายได้จากภาษีประเภทนี้ได้เพียง 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 35,970 ล้านบาท) ต่อปี ซึ่งจะเห็นว่าเก็บได้ต่ำมากเมื่อเทียบกับในฝรั่งเศสที่เก็บได้ประมาณ 18,000 ล้านยูโร (ประมาณ 647,400 ล้านบาท) และในเยอรมนีและอังกฤษที่เก็บได้ประมาณ 9,000 ล้านยูโร (ประมาณ 323,700 ล้านบาท)
คณะนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำการศึกษาวิจัยนี้กล่าวว่า สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของอิตาลี และมีคำแนะนำว่า รัฐบาลควรขึ้นอัตราภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูงปานกลาง (Medium-High) ขึ้นไป หรือกลุ่มท็อป 7% ที่ได้รับประโยชน์จากระบบภาษีปัจจุบัน
การดำเนินการทางนี้จะนำไปสู่ระบบภาษีที่ก้าวหน้า โดยผู้มีรายได้น้อยที่สุดจะเสียภาษีน้อยที่สุดและผู้มีรายได้มากจะเสียภาษีมาก ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในประเทศอิตาลีได้ และจะช่วยให้รัฐบาลอิตาลีสามารถลดหนี้ก้อนใหญ่ 135% ของจีดีพี ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยูโรโซนได้
หรืออีกทางเลือกหนึ่งของรัฐบาลอิตาลี อาจเป็นการลดภาษีสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจ่ายภาษีมากกว่าคนรวย เมื่อพิจารณาตามอัตราส่วนเงินที่จ่ายภาษีต่อรายได้ แนวทางนี้อาจช่วยหนุนการบริโภคและการเติบโตของเศรษฐกิจอิตาลี ซึ่งซบเซาเรื้อรังมากอันดับต้น ๆ ในกลุ่มยูโรโซนที่มีสมาชิก 20 ประเทศ
อเลสซานโดร ซานโตโร อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังอิตาลีเรียกร้องแยกต่างหากว่า รัฐบาลควรเก็บภาษีความมั่งคั่งจากคนรวยสุด 1% แรกของประเทศ หรือ 0.1% แรก ซึ่งอาจสร้างรายได้ให้รัฐได้มากถึง 12,000 ล้านยูโร (ประมาณ 431,600 ล้านบาท) ต่อปี โดยคนกลุ่มท็อป 1% ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 2 ล้านยูโรนั้น มีจำนวนประมาณ 500,000 คน ส่วนท็อป 0.1% ซึ่งมีความมั่งคั่งมากกว่า 15 ล้านยูโรนั้น มีจำนวน 50,000 คน
มารีอานา มาซซูคาโต (Mariana Mazzucato) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่ยูนิเวอร์ซิตี้คอลเลจลอนดอน (UCL) และที่ปรึกษาฝ่ายนโยบายของรัฐบาลอิตาลี กล่าวกับรอยเตอร์ว่า อัตราภาษีแบบคงที่ทุกประเภทเป็นการถดถอยและส่งผลเสียต่อรายได้ของรัฐ
“ในประเทศอย่างอิตาลีที่ความเหลื่อมล้ำกำลังเพิ่มขึ้น ภาษีแบบนี้เป็นเรื่องทีไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง” มาซซูคาโตกล่าว
แม้ว่ามีเสียงเรียกร้องให้ปรับปรุงระบบภาษี โดยคอนเซ็ปต์ คือ เก็บภาษีจากคนรวยมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินสำหรับงบประมาณในปีงบฯ 2025 แต่รัฐบาลอนุรักษนิยมของจอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) ก็ยังไม่ได้แสดงเจตนาที่จะขึ้นภาษีคนรวยในประเทศ มีเพียงการขึ้นอัตราภาษีแบบคงที่เป็นสองเท่าสำหรับรายได้จากต่างประเทศของคนรายได้สูงที่ย้ายเข้าไปพำนักในอิตาลี ซึ่งดำเนินการไปเมื่อต้นปี 2024
อ้างอิง :