
ญี่ปุ่น ฐานเงินเดือนพนักงานประจำในเดือนตุลาคมเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ เปิดทางให้ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงต้องพิจารณาข้อมูลอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงานญี่ปุ่น ซึ่งเผยแพร่วันที่ 6 ธันวาคม 2024 ระบุว่า ฐานเงินเดือนพนักงานประจำในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) มากสุดนับตั้งแต่เก็บข้อมูลในปี 1994 บ่งถึงความก้าวหน้าไปสู่วัฎจักรทางเศรษฐกิจที่เป็นบวก สนับสนุนคาดการณ์ของตลาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้
ค่าจ้างที่เป็นตัวเงิน (Nominal Wages) เติบโตเพิ่มขึ้น 2.6% จากที่เติบโต 2.5% ในเดือนก่อน ตรงกับคาดการณ์ ส่วนแนวโน้มค่าจ้างที่ไม่นับรวมโบนัสและเงินโอทีชี้ว่าค่าจ้างพนักงานประจำเพิ่มขึ้น 2.8%
นักลงทุนในตลาดคอยจับตาแนวโน้มค่าจ้าง ตัวชี้วัดสำคัญเพื่อคาดการณ์ช่วงเวลาที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง โดยเงินเย็นไม่เปลี่ยนแปลงมากนักหลังรายงานประกาศออกมา
นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนในตลาดยังคงคาดการณ์ต่างกันว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหรือมกราคมกันแน่ ซึ่งธนาคารกลางญี่ปุ่นมีกำหนดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินอีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคมนี้
อายาโกะ ฟูจิตะ (Ayako Fujita) หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจจากเจพีมอร์แกน ซีเคียวริตี้ส์ (JPMorgan Securities) กล่าวว่า ข้อมูลเท่าที่มีการเผยแพร่ออกมา ถือว่าสนับสนุนแนวทางขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น แต่ธนาคารญี่ปุ่นยังคงต้องพิจารณาข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลของสหรัฐร่วมด้วยในการตัดสินใจ
คาซูโอะ อูเอดะ (Kazuo Ueda) ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ย้ำในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเคอิ (Nikkei) เมื่อสุดสัปดาห์สิ้นเดือนพฤศจิกายนว่า ธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากตัวเลขทางเศรษฐกิจเป็นไปตามคาดการณ์ ทั้งยังเปรยอีกด้วยว่าใกล้ถึงเวลาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายครัวเรือนยังคงตกลงจากปีก่อน โดยตกลง 1.3% ในเดือนตุลาคม แสดงให้เห็นว่าค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นส่งผ่านมายังการบริโภคเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ค่าจ้างแท้จริงที่เพิ่มขึ้นไม่เท่ากันอาจกระทบการบริโภคจนอาจจำกัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอีกด้วย ถือเป็นข่าวที่ไม่ค่อยน่าพอใจสำหรับธนาคารกลาง
ระหว่างสัมภาษณ์กับนิกเคอิ อูเอดะ ยังกล่าวอีกด้วยว่า เขาต้องการดูแนวโน้มการต่อรองค่าจ้างช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ซึ่งเริ่มมีการเจรจาด้วยความราบรื่นแล้ว เพราะสหภาพแรงงานตั้งธงไว้คล้ายกับปีนี้
สมาพันธ์สหภาพการค้าญี่ปุ่นเร็งโง (Rengo) องค์กรสหภาพแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นผลักดันให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างน้อย 5% ทั่วทุกอุตสาหกรรม ซึ่งเล็งไปยังบริษัทขนาดเล็กเป็นพิเศษ ขณะที่สหภาพแรงงานโรงงานเหล็กเรียกร้องการปรับขึ้นค่าจ้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีก 12,000 เยน (ราว 2,700 บาท) ต่อเดือน
อายาโกะ ฟูจิตะ จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า ด้วยแนวโน้มปัจจุบันและสถานการณ์ตลาดแรงงานที่ตึงตัว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปรับขึ้นค่าจ้าง
ตลาดแรงงานญี่ปุ่นค่อนข้างตึงตัว โดยมีอัตราการว่างงานต่ำกว่าระดับ 3% ตลอดสามปีที่ผ่านมา สร้างความกดดันให้บริษัทหลายแห่งต้องขึ้นค่าจ้างเพื่อรักษาคนงานไว้ ส่วนแบ่งกำไรของแรงงานก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปีงบประมาณล่าสุดเช่นกัน บ่งชี้ว่าบริษัทควรใช้จ่ายเงินไปกับพนักงานให้มากขึ้น
เพื่อจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกมาตรการทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 21.9 ล้านล้านเยน (ราว 4.85 ล้านล้านบาท) ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อรองรับการปรับขึ้นค่าจ้าง รัฐบาลจะช่วยระดมเงินทุนปรับปรุงสภาพการทำงานให้แก่บริษัทขนาดเล็ก และมอบแนวทางการประกอบธุรกิจอย่างเป็นธรรมที่จะช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้าองค์กร (Corporate Customers)
เพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อแก่ครัวเรือน รัฐบาลวางแผนขยายการอุดหนุนค่าไฟตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนมีนาคม ทั้งยังมอบเงินสดให้แก่ครัวเรือนรายได้ต่ำอีกด้วย
สัปดาห์ก่อน อิชิบะพบกับผู้นำภาคธุรกิจและภาคแรงงานเพื่อต่อรองเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้าง นอกจากนี้ อิชิบะยังสั่งให้คณะรัฐมนตรีจัดทำแผนการสำหรับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งต่อไปในฤดูใบไม้ผลิ
อายาโกะ ฟูจิตะ จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า มาตรการทางเศรษฐกิจของอิชิบะ จะช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างรวดเร็ว และลดเงินเฟ้อลงเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยหนุนการใช้จ่ายผู้บริโภคในระดับหนึ่ง