ข้อตกลงแรกไต้หวัน-สหรัฐ ตามข้อริเริ่มการค้าศตวรรษที่ 21 มีผลบังคับใช้

ภาพ รอยเตอร์

หน่วยงานด้านการค้าสหรัฐและไต้หวันต่างออกแถลงการณ์ว่า ข้อตกลงฉบับแรกตามข้อริเริ่มด้านการค้าไต้หวัน-สหรัฐมีผลบังคับใช้วันนี้ (10 ธันวาคม) และมุ่งมั่นเจรจาฉบับที่ 2 ต่อไป

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ข้อตกลงฉบับแรกภายใต้ข้อริเริ่มทางการค้าระหว่างไต้หวันและสหรัฐมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (10 ธันวาคม) ขณะที่รัฐบาลไต้หวันหวังว่าการเจรจาที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่ข้อตกลงการค้าเสรีในที่สุด

ไต้หวันถูกกีดกันออกจากกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก หรือ Indo-Pacific Economic Framework (IPEF) ซึ่งตั้งขึ้นในปี 2022 เป็นกรอบความร่วมมือที่รัฐบาลโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกาใช้ตอบโต้อำนาจบีบบังคับทางทหารและเศรษฐกิจของจีนในภูมิภาค ตามการกล่าวอ้างของฝ่ายสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งข้อริเริ่มสหรัฐ-ไต้หวันด้านการค้าในศตวรรษที่ 21 ซึ่งรวมกรอบความร่วมมือด้านความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจสหรัฐ-ไต้หวัน และกรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ทั้งสองฝ่ายมี

ในแถลงการณ์ของฝ่ายสหรัฐ แคเทอรีน ไท (Katherine Tai) ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า ข้อตกลงฉบับแรกภายใต้ข้อริเริ่มการค้าศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้นั้นครอบคลุมการต่อต้านการทุจริต พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกด้านการค้า ตลอดจนธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง (SMEs) และการมีผลบังคับใช้ แสดงถึงก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและไต้หวัน

สำนักงานเจรจาการค้าของไต้หวันกล่าวในแถลงการณ์ที่แยกออกมาต่างหากว่า ข้อตกลงนี้แสดงถึงความเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งระหว่างไต้หวันและสหรัฐ

ADVERTISMENT

แถลงการณ์ไต้หวันระบุอีกว่า เนื่องจากสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนสูง การที่ไต้หวันจะเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญจึงมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์

สำหรับข้อตกลงฉบับที่ 2 ภายใต้ข้อริเริ่มนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งครอบคลุมหลายสาขา อาทิ แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการเกษตร

ADVERTISMENT

เจ้าหน้าที่ไต้หวันแสดงความมุ่งหวังที่จะลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐ แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐระงับการเจรจาการค้าเสรีทั้งหมดแล้วก็ตาม

จีนซึ่งคัดค้านการปฏิสัมพันธ์ที่เป็นทางการระหว่างไต้หวันและสหรัฐในทุกรูปแบบได้แสดงความไม่พอใจต่อการเจรจาการค้าดังกล่าว