Nvidia ขยับการจ้างงานเพิ่มในจีน เน้นพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่พัฒนามาอย่างยาวนาน
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เอ็นวิเดีย (Nvidia) เพิ่มทีมงานในจีนกว่า 200 คน เพื่อวิจัยรถยนต์ขับเคลื่อนด้วย AI ทั้งยังขยายทีมบริการหลังการขาย และทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เช่นกัน
แหล่งข่าวกล่าวกับทางบลูมเบิร์กว่า เอ็นวิเดียจะมีพนักงานเพิ่มขึ้นเกือบ 4,000 คนตอนสิ้นปีนี้ จากที่คาดว่าจะเพิ่ม 3,000 คนเมื่อตอนต้นปี จากการขยายทีมงานวิจัยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในปักกิ่ง ประเทศจีน
เอ็นวิเดียกำลังขยายจำนวนพนักงานทั่วโลก เพื่อเติมเต็มปริมาณความต้องการชิปปัญญาประดิษฐ์ แม้รัฐบาลสหรัฐจะสั่งห้ามไม่ให้เอ็นวิเดียขายชิปที่ล้ำสมัยให้กับจีน เพื่อไม่ให้บริษัทจีนสามารถพัฒนาบริการ AI ได้ แต่จีนก็ยังเป็นตลาดสำคัญและเป็นศูนย์กลางการวิจัยของเอ็นวิเดีย โดยทำรายได้ให้กับเอ็นวิเดียด้วยยอดขายกว่า 5,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 182,679 ล้านบาท) ในไตรมาสสาม
ขณะที่เอ็นวิเดียพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลจีน แต่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งชาติของจีน (State Administration for Market Regulation) เปิดการสอบสวนเอ็นวิเดีย เนื่องจากข้อสงสัยว่าเอ็นวิเดียละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท เมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ (Mellanox Technologies) ในปี 2020
แม้ว่าเอ็นวิเดียจะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดแล้วก็ตาม โดยการสอบสวนเริ่มขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลัง เจนเซน หวง (Jensen Huang) ออกมาเตือนผู้นำคราวเยือนฮ่องกงว่าให้เน้นความร่วมมือกันในการพัฒนาเทคโนโลยี
การสอบสวนดังกล่าวซึ่งมีแนวโน้มเริ่มมาจากสงครามการค้าสหรัฐและจีน อาจนำมาซึ่งค่าปรับหรือการเรียกร้องมาตรการเยียวยา ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐขู่จะขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการสั่งห้ามการส่งออกวัตถุดิบสำคัญไปยังสหรัฐ
รัฐบาลจีนอุดหนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจนกลายเป็นผู้นำตลาดโลกด้วยราคาที่ต่ำมาก ซึ่งทางเอ็นวิเดียได้พัฒนาซอฟต์แวร์ AI รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาตลอด 10 ปีแล้ว แม้ความพยายามจะยังไม่ผลิดอกออกผล แต่นักวิจัยชาวจีนของเอ็นวิเดียก็เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์สัญชาติจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เอ็นวิเดียมีพนักงานกว่า 29,600 คนใน 36 ประเทศ และได้เพิ่มพนักงานในจีนอย่างต่อเนื่องสองปีที่ผ่านมาจนเกือบเป็น 600 คนแล้วในขณะนี้ นอกจากนี้ เอ็นวิเดียยังเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่จงกวนชุน ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของจีน คล้ายซิลิคอน วัลเลย์ของสหรัฐ