เริ่มแล้ว ธนาคาร-ค่ายมือถือสิงคโปร์ ต้องร่วมรับผิดชอบ หากลูกค้าถูกหลอก

สิงคโปร์ มาตรการ มิจฉาชีพ

สิงคโปร์เริ่มบังคับใช้มาตรการคุ้มครองลูกค้า กรณีถูกหลอกลวงทางออนไลน์ ธนาคาร-ค่ายมือถือต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายด้วย พร้อมระบุมาตรการเสริม ระงับธุรกรรมต้องสงสัยจนกว่าติดต่อลูกค้าได้

สื่อท้องถิ่นของสิงคโปร์ระบุว่า มาตรการคุ้มครองลูกค้ากรณีการถูกหลอกลวงทางออนไลน์เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของสิงคโปร์ โดยมาตรการดังกล่าวกำหนดให้ธนาคารและบริษัทโทรคมนาคมต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2024 สำนักงานการเงินสิงคโปร์ (MAS) ออกประกาศระบุว่า มาตรการนี้เป็นมาตรการใหม่ในการต่อต้านมิจฉาชีพการหลอกลวงทางออนไลน์ ที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร และการชำระเงินดิจิทัลของสิงคโปร์ เพื่อลดจำนวนผู้เสียหายจากมิจฉาชีพออนไลน์ และสิ่งที่ตามมาจากการประกาศดังกล่าวคือ Shared Responsibility Framework (SRF) ฉบับสมบูรณ์สำหรับ Phishing Scams ซึ่งเป็นส่วนเสริมของมาตรการที่มีอยู่แล้วของประเทศ

โดยสถาบันการเงินของสิงคโปร์มีเวลา 6 เดือน นับจากวันที่ 16 ธ.ค. 67 ในการปรับใช้มาตรการดังกล่าว ซึ่ง SRF ฉบับสมบูรณ์นี้ระบุว่า สถาบันการเงินและบริษัทโทรคมนาคมต้องร่วมกันรับผิดชอบความสูญเสียของเหยื่อจากกลลวงฟิชชิ่ง

เอกสารดังกล่าวระบุหน้าที่และกำหนดชัดเจนสำหรับสถาบันการเงินและค่ายมือถือ หากไม่ปฏิบัติตามบริษัทจะต้องรับผิดชอบ ในที่นี้รวมถึงกรณีสถาบันการเงินและผู้ให้บริการด้านการชำระเงินต้องส่งแจ้งเตือน (แบบเรียลไทม์) ในกรณีที่ผู้ใช้งานมีพฤติกรรมเสี่ยงด้วย เช่น มีการเพิ่มวงเงินในการทำธุรกรรม หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว หรือมีการล็อกอินในอุปกรณ์ใหม่ เป็นต้น

ซึ่งหากบัญชีของลูกค้าที่มีเงินคงเหลือ 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 1.26 ล้านบาทขึ้นไป หากมีการทำธุรกรรมมากกว่าครึ่งหนึ่งภายใน 24 ชั่วโมง ธนาคารจะต้องระงับธุรกรรมจนกว่าจะสามารถติดต่อลูกค้าได้ หรือส่งการแจ้งเตือน พร้อมกับระงับธุรกรรมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

ADVERTISMENT

ขณะที่ทางการได้กล่าวว่า พวกเขาจะมุ่งเน้นที่ “ขอบเขตที่ชัดเจนของการหลอกลวงทางฟิชชิ่ง ซึ่งสามารถกำหนดหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเงินและบริษัทโทรคมนาคมได้อย่างชัดเจน” อีกทั้งยังเสริมอีกว่า รัฐบาลจะยังคงทำงานร่วมกับธนาคารและองค์กรอื่น ๆ เพื่อกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงจากการหลอกลวงรูปแบบอื่น ๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองอาชญากรรมออนไลน์ยังอนุญาตให้รัฐบาลออกคำสั่งไปยังผู้ให้บริการออนไลน์ หน่วยงาน หรือบุคคล เพื่อปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาหรือบัญชีอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึงการหลอกลวงได้เช่นกัน

ADVERTISMENT