
สหภาพยุโรป หรืออียู เตรียมฟ้องสหราชอาณาจักรข้อหาจำกัดสิทธิพลเมืองยุโรปและครอบครัวในการพำนักและเดินทางเข้าออกอย่างเสรีเพื่อทำงานในสหราชอาณาจักร โดยระบุว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงเบร็กซิต
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2024 ว่า สหภาพยุโรป หรืออียู (European Union : EU) กำลังยื่นฟ้องสหราชอาณาจักร หรือยูเค (United Kingdom : UK) ต่อศาลศาลยุติธรรมของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของกลุ่มสหภาพยุโรป ในข้อหาจำกัดสิทธิการพำนักและการเดินทางเข้าออกสหราชอาณาจักรอย่างเสรีของพลเมืองสหภาพยุโรปและสมาชิกในครอบครัว ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพการงานในสหราชอาณาจักรของพลเมืองสหภาพยุโรป ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือหลังเบร็กซิต (Brexit)
ข้อตกลงถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปนั้นคุ้มครองสิทธิในการพำนักอาศัยในสหราชอาณาจักรของพลเมืองสหภาพยุโรปที่ใช้สิทธิการเดินทางอย่างเสรีเมื่อตอนสิ้นปี 2020 ซึ่งช่วงเปลี่ยนผ่านกระบวนการเบร็กซิตสิ้นสุดลง แต่สหภาพยุโรปกล่าวหาว่าสหราชอาณาจักรไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรปกล่าวในวันที่ 16 ธันวาคม 2024 ว่า สหราชอาณาจักร (ประกอบด้วยอังกฤษ เวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ) ไม่ได้ใส่ใจคำเตือนหลายประการในเรื่องการละเมิดกฎหมายของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการเดินทางอย่างเสรีของพลเมืองสหภาพยุโรป เมื่อช่วงเปลี่ยนผ่านกระบวนการเบร็กซิตสิ้นสุดลงในปลายปี 2020 และข้อบกพร่องดังกล่าวของสหราชอาณาจักรยังคงส่งผลกระทบต่อพลเมืองสหภาพยุโรปอยู่ในปัจจุบัน
คณะกรรมการธิการยุโรประบุว่า หลังจากประเมินคำตอบของสหราชอาณาจักรอย่างถี่ถ้วนแล้ว คณะกรรมาธิการยืนยันว่ายังไม่ได้รับการแก้ไขประเด็นร้องเรียนหลายประเด็น รวมถึงประเด็นสิทธิของคนงานและสิทธิของสมาชิกในครอบครัวคนงานในการพำนักหรือเดินทางเข้าออกสหราชอาณาจักรอย่างเสรี
ความเคลื่อนไหวของคณะกรรมาธิการยุโรปในการที่จะยื่นฟ้องสหราชอาณาจักรต่อศาลสหภาพยุโรปนี้ จะเพิ่มความยากลำบากสำหรับ เคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรจากพรรคแรงงาน (Labour Party) ซึ่งให้คำมั่นกับประชาชนในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาไว้ว่า หากได้เป็นรัฐบาล รัฐบาลของเขาจะกระชับความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่พรรคแรงงานตัดสินใจว่าจะไม่เข้าร่วมสหภาพศุลกากรและระบบตลาดเดียวของสหภาพยุโรป และกล่าวว่าจะไม่กลับไปเปิดการเดินทางเข้าออกอย่างเสรีระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปอีก
ถึงอย่างนั้นก็ตาม รัฐบาลของเขาก็ถูกกดดันจากพันธมิตรในสหภาพยุโรปบางประเทศที่ต้องการให้อนุญาตการเดินทางอย่างเสรีสำหรับเยาวชน
เดฟ พาเรส (Dave Pares) โฆษกของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น แต่กล่าวกับนักข่าวเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เพียงว่า ข้อกำหนดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่สหราชอาณาจักรยังเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและช่วงเปลี่ยนผ่านกระบวนการออกจากการเป็นสมาชิกเท่านั้น
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าสิ้นสุดช่วงเปลี่ยนผ่านเบร็กซิตแล้ว แต่ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงการหย่าขาดระหว่างสหราชอาณาจักรกับสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการยุโรปยังสามารถเดินหน้าคดีความทางกฎหมายที่เริ่มต้นก่อนช่วงเปลี่ยนผ่านเบร็กซิตได้ ซึ่งคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่าข้อพิพาทดังกล่าวนี้มีมาก่อนหน้านั้น โดยเริ่มต้นด้วยการออกจดหมายเตือนในปี 2011