อัยการเปิดโปงสุสานแสนศพซีเรีย ระบบสยดสยอง ไม่เคยพบเห็นตั้งแต่ยุคนาซี

ภาพจากโดรนแสดงให้เห็นหลุมศพหมู่ในช่วงการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด อดีตผู้นำซีเรีย ในเมืองอัลกุตัยฟาห์ เมื่อ 17 ธันวาคม 2024 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรก 18 ธ.ค.2024 เวลา 08.33 น. อัพเดตล่าสุดเวลา 09.01 น.

อัยการในคดีอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศรายงานผลการลงพื้นที่หลุมศพหมู่ในซีเรีย ที่แสดงให้เห็นกลไกแห่งความตายที่รัฐสังหาร หรือทรมานประชาชนภายใต้การปกครองของอัสซาด และมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคนาซี

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า สตีเฟน แรปป์ (Stephen Rapp) หัวหน้าอัยการในคดีอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศกล่าวว่า หลักฐานที่ได้จากหลุมศพหมู่หลายแห่งในประเทศซีเรีย เผยให้เห็นกลไกแห่งความตายภายใต้ระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรียที่ถูกโค่นล้ม ซึ่งประมาณว่ามีผู้ถูกทรมานและถูกสังหารกว่า 100,000 ราย ตั้งแต่ปี 2013

ภาพถ่ายจากโดรนแสดงหลุมศพหมู่ภายใต้ระบอบอัสซาดในเมืองนัจฮา ประเทศซีเรีย เมื่อ 17 ธันวาคม 2024 (รอยเตอร์)
นักรบจากหน่วยงานซีเรียกำลังตรวจสอบหลุมศพหมู่ในสมัยการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ตามคำบอกเล่าของประชาชน ในเมืองนัจฮา เมื่อ 17 ธันวาคม 2024 (รอยเตอร์)

ภายหลังการเดินทางไปหลุมศพหมู่สองแห่ง ในเมืองอัลกุตัยฟาห์และนัจฮาใกล้กรุงดามัสกัสเมื่อ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา สตีเฟน แรปป์ (Stephen Rapp) อัยการอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศชาวสหรัฐและอดีตเอกอัครราชทูตด้านอาชญากรรมสงครามประจำสำนักงานความยุติธรรมทางอาญาโลก (Office of Global Criminal Justice) ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐรายงานผลการลงพื้นที่ว่า เราพบว่ามากกว่า 100,000 คนถูกทำให้สูญหายเนื่องจากถูกทรมาณหรือถูกสังหารภายใต้ “กลไกแห่งความตาย” ของรัฐนี้ และกล่าวอีกว่า ตนไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนนับตั้งแต่ยุคนาซี

ทั้งนี้ แรปป์เคยมีบทบาทนำในการฟ้องร้องดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามรวันดาและเซียร์ราลีโอนในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และในขณะนี้ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมซีเรียเพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานอาชญากรรมสงครามและกำลังช่วยเตรียมการสำหรับการพิจารณาคดีในอนาคต

แรปป์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ตำรวจลับซึ่งอุ้มหายประชาชนจากบนถนนและบ้านที่พักอาศัย ไปจนถึงผู้คุมขัง และผู้สอบสวน ซึ่งทำให้ประชาชนอดอยากและถูกทรมานจนเสียชีวิต คนขับรถบรรทุกและคนขับรถแทรกเตอร์เกลี่ยดิน ซึ่งซุกซ่อนศพ ในกระบวนการสังหารอย่างเป็นระบบนี้มีประชาชนหลายพันคนเข้ามามีส่วนพัวพัน ซึ่งคือระบบแห่งความสยดสยองของรัฐที่กลายมาเป็นกลไกแห่งความตาย

ทั้งอัสซาดและฮาเฟซ บิดาซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนเขาและเสียชีวิตในปี 2000 ถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนและหลายรัฐบาลกล่าวหาว่าก่อเหตุสังหารหมู่บ่อยครั้ง รวมถึงการสังหารหมู่ภายในระบบเรือนจำของประเทศและการใช้อาวุธเคมีกับประชาชน

ADVERTISMENT

อัสซาดปฏิเสธซ้ำหลายครั้งเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลของเขาละเมิดสิทธิมนุษยชน และกล่าวหาผู้ที่โจมตีตนเองว่าเป็นพวกหัวรุนแรง

ด้านคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยบุคคลที่สูญหายในกรุงเฮก (The International Commission on Missing Persons in The Hague) กล่าวว่าได้รับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอาจมีหลุมศพหมู่ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันมากถึง 66 แห่งในซีเรีย และมีผู้สูญหายมากกว่า 157,000 คน

ADVERTISMENT