มาริษ เป็นเจ้าภาพหารือ รัฐมนตรี 6 ชาติเพื่อนบ้านเมียนมา พร้อมเผยคืบหน้า 4 ลูกเรือไทย

รมว.กต.เป็นเจ้าภาพหารือ รมต.-จนท.ระดับสูง 6 ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา เผยทุกประเทศชื่นชมบทบาทไทยเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศ พร้อมหวังเมียนมามีสันติภาพ เสถียรภาพ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยเร็ว-เผยฝ่ายเมียนมายืนยันปล่อย 4 ลูกเรือไทยเร็ว ๆ นี้

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเป็นเจ้าภาพการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนระดับสูง 6 ประเทศ ทั้งไทย, เมียนมา, สปป.ลาว, จีน, อินเดีย และบังกลาเทศ เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกันว่า การหารืออย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้เป็นข้อริเริ่มของไทย โดยต่อยอดมาจากข้อริเริ่มของไทย เมื่อครั้งการหารืออย่างไม่เป็นทางการ 3 ฝ่ายระหว่างไทย อินเดีย เมียนมา ช่วงการประชุม BIMSTEC ที่กรุงนิวเดลี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และการหารืออย่างไม่เป็นทางการ 4 ฝ่ายระหว่างไทย, จีน, เมียนมา และ สปป.ลาว ช่วงการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ที่เชียงใหม่ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

โดยการหารืออย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมครั้งแรกที่เมียนมา และประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมประชุมครบทั้ง 5 ประเทศ ซึ่งสะท้อนความจริงจังของทุกประเทศ ที่ต้องการปรึกษาหารือ และร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และการหารือในวันนี้ (19 ธ.ค.) ได้แยกต่างหากจากการหารืออย่างไม่เป็นทางการในกรอบอาเซียนในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) แต่จะช่วยเสริมความพยายามของอาเซียนในการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อ หรือ Five-Point Consensus ที่ได้ให้กับเมียนมาให้มีผลเป็นรูปธรรม

โดยประเทศต่าง ๆ ชื่นชมที่ไทยได้ริเริ่มจัดการหารือครั้งนี้ และมีความเห็นสอดคล้องกันว่า การหารือกันโดยตรงระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้านมีความจำเป็นและสำคัญมาก เพราะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในเมียนมาโดยตรง และมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในเมียนมาดีกว่าประเทศอื่น ๆ โดยเห็นประโยชน์ของการพบกันเป็นระยะ แล้วแต่โอกาสจะเหมาะสม ซึ่งไทยจะสานต่อการหารือในครั้งนี้

นายมาริษได้ยืนยันว่าบรรยากาศการหารือในวันนี้ (19 ธ.ค.) ถือว่าดีมาก เพราะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงชายแดน และการปราบปรามอาชญากรรมช้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด และการหลอกลวงออนไลน์

ADVERTISMENT

นายมาริษเปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศเมียนมาได้เล่าให้ที่ประชุมฟังเกี่ยวกับแผนงานด้านการเมืองของเมียนมา และความคืบหน้าในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งในปีหน้า เช่น การจัดทำสำมะโนประชากร การจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยแจ้งด้วยว่ามีความตั้งใจที่จะเชิญผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากต่างประเทศ เช่น จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งฝ่ายเมียนมากำลังพิจารณารายละเอียด และจะแจ้งมิตรประเทศทราบ

นอกจากนั้น ที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงชายแดนในแต่ละด้านของเมียนมาซึ่งมีความแตกต่างกัน ทั้งปัญหายาเสพติด การลักลอบข้ามแดน การค้าอาวุธ การค้ามนุษย์ และปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งทุกประเทศต่างเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการประสานงานในการบังคับใช้กฎหมาย

ADVERTISMENT

ซึ่งทุกประเทศเพื่อนเมียนมา มีผลประโยชน์ร่วมกันที่จะต้องการเห็นประเทศเมียนมาที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือ Peaceful, Stable and Unified Myanmar) และต้องการให้ฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมายุติการใช้ความรุนแรง และถึงเวลาแล้วที่จะต้องหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกโดยสันติ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาได้แจ้งว่ารัฐบาลเมียนมาเปิดประตูสำหรับการพูดคุย เพื่อหาทางออกโดยกระบวนการทางการเมือง

นายมาริษยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) ตนได้พบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา โดยครอบคลุมประเด็นทวิภาคีที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ ประเด็นลูกเรือประมงไทย 4 คน ซึ่งได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางการเมียนมาว่าลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คน จะได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ และทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

นายมาริษยังได้หารือทวิภาคีกับเมียนมาและอินเดีย ถึงความสำคัญของเส้นทางการค้าสายเอเชีย หรือ Asian Highway-One ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเมียนมา และเห็นพ้องกันที่จะเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดใช้เส้นทางนี้ได้อีกครั้งโดยเร็ว เพราะมีความสำคัญต่อประชาชนของทั้ง 3 ประเทศ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับเอเชียใต้

นอกจากการหารือทวิภาคีกับเมียนมาและอินเดียนั้น นายมาริษยังระบุอีกว่า ในวันนี้ (19 ธ.ค.) ยังมีกำหนดการหารือทวิภาคีระหว่างหลายประเทศ ซึ่งสะท้อนว่าประเทศต่าง ๆ เห็นประโยชน์ของการที่ไทยจัดการหารือครั้งนี้ และสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในการเป็นสะพานเชื่อม (Bridge Builder) ระหว่างประเทศต่าง ๆ และในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) จะมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการในกรอบอาเซียน ซึ่ง สปป.ลาวจะเป็นประธาน โดยตนจะนำผลการหารือในวันนี้ (19 ธ.ค.) ไปถ่ายทอดให้ที่ประชุมรับทราบด้วย เพื่อเสริมการดำเนินการของอาเซียน