
รายงานเศรษฐกิจประจำปีจากสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงข้อมูลใหม่ระบุว่า จีดีพีต่อหัวของเกาหลีใต้แซงหน้าญี่ปุ่นในปี 2022 และ 2023 และในกลุ่ม OECD ญี่ปุ่นติดในอันดับที่ 22 ในช่วงเวลาเดียวกัน ถือเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดของประเทศตั้งแต่ปี 1980
นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า เกาหลีใต้มีจีดีพีต่อหัวแซงหน้าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 2022 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงและประชากรสูงอายุ นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีจีดีพีต่อหัวมากกว่าญี่ปุ่นในปี 2023 ด้วย อ้างอิงข้อมูลใหม่จากสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจประจำปีเมื่อ 23 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่น เผยให้เห็นตัวเลขจีดีพีต่อหัวของเกาหลีใต้ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการปรับปรุงย้อนหลังของประเทศ
จีดีพีต่อหัว (GDP per Capita) ของญี่ปุ่นลดลงสู่ 33,849 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.15 ล้านบาท) ในปี 2023 จาก 34,112 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.16 ล้านบาท) ในปี 2022 และสำหรับตัวเลขจีดีพีต่อหัวของเกาหลีใต้อยู่ที่ 34,822 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.19 ล้านบาท) ในปี 2022 และ 35,563 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.21 ล้านบาท) ในปี 2023
เมื่อเปรียบเทียบสถิติย้อนหลังไปถึงปี 1980 เกาหลีใต้ยังไม่เคยแซงหน้าญี่ปุ่นเลยจนกระทั่งในปี 2022 และ 2023
นอกจากนี้ ในกลุ่ม 38 ชาติสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จีดีพีต่อหัวของญี่ปุ่นติดอันดับที่ 22 ทั้งในปี 2022 และปี 2023 ถือเป็นอันดับต่ำที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ปี 1980
และในกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างจี 7 (G7) ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับสุดท้ายเป็นปีที่สองติดต่อกันในปี 2023 ซึ่งต่ำกว่าอิตาลีที่มีจีดีพีต่อหัว 39,003 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.33 ล้านบาท)
ในส่วนของจีดีพีตามมูลค่าปัจจุบัน (Nominal GDP) ในปี 2023 ญี่ปุ่นมีมูลค่าจีดีพี 4.21 ล้านล้านดอลลาร์ และคิดเป็นสัดส่วน 4% ของจีดีพีโลก โดยสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนมากที่สุดที่ 25.9% ตามมาด้วยจีนที่ 16.8% และเยอรมนีที่ 4.3%
อีกทั้งในปี 2023 ตัวเลขจีดีพีของเยอรมนีถึง 4.52 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก
เนื่องจากการเปรียบเทียบตัวเลขจีดีพีระหว่างประเทศนั้นอิงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งค่าเงินเยนที่อ่อนกว่าเป็นปัจจัยหลักที่ไปลดตัวเลขจีดีพีของญี่ปุ่น โดยรายงานที่เผยแพร่อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน 140.50 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
และในระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนในปี 2024 ค่าเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าเฉลี่ย 151.30 เยน หมายความว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มที่จะกดตัวเลขจีดีพีของญี่ปุ่นให้ลดลง
ตามรายงานคาดการณ์จีดีพีตามมูลค่าปัจจุบันต่อหัว (Nominal GDP Per Capita) ของสถาบันญี่ปุ่นเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจ หรือ Japan Center for Economic Research (JCER) คาดว่าในปี 2024 ไต้หวันจะมีตัวเลขจีดีพีตามมูลค่าปัจจุบันต่อหัวแซงหน้าญี่ปุ่น
หลายคนยังมองว่าการที่จีดีพีญี่ปุ่นลดลงนั้น เนื่องมาจากผลผลิตแรงงานที่ลดลง และจากรายงานของศูนย์ผลิตภาพญี่ปุ่น (Japan Productivity Center) ระบุว่า ผลิตภาพแรงงานต่อชั่วโมงอยู่ที่ 56.80 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ทำให้ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 29 ในกลุ่มประเทศ OECD
JCER ยังระบุอีกว่า ผลิตภาพแรงงานญี่ปุ่นตามหลังเกาหลีใต้และไต้หวันอยู่มาก ทำให้เกิดการเรียกร้องให้พัฒนาทักษะใหม่ รวมถึงการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้น
จากปัจจัยที่ครัวเรือนญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งหนึ่งมีผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการขึ้นเงินเดือนและความพยายามอื่น ๆ ของฝ่ายธุรกิจสามารถทำได้ไม่มากนักในสภาพแวดล้อมดังกล่าว
ฮิเดโอะ คูมาโนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยได-อิจิ ไลฟ์ (Dai-ichi Life Research Institute) กล่าวว่า คนรุ่นเศรษฐกิจฟองสบู่ทุกคนจะมีอายุครบ 60 ปี หรือมากกว่านั้นในอีก 5 ปีข้างหน้า หากญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างปัจจุบันที่จำกัดอุปทานแรงงานของผู้สูงอายุ ญี่ปุ่นก็จะไม่สามารถบรรลุแนวทางแก้ปัญหาพื้นฐานในการเพิ่มรายได้ของครัวเรือนได้