
PBOC เสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันทางการเงิน ผ่านการทำ Reverse Repo ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญของจีนตลอดปี 2025
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ธนาคารกลางประชาชนจีน (PBOC) อัดฉีดเงินสดมูลค่าสุทธิ 958,400 ล้านหยวน (ราว 4.54 ล้านล้านบาท) ผ่านการซื้อหลักทรัพย์โดยมีสัญญาจะขายคืน (Reverse Repo) ระยะ 7 วัน ในตลาดวันที่ 15 มกราคม 2025 มากสุดเป็นอันดับสอง นับตั้งแต่ที่บลูมเบิร์กรวบรวมข้อมูลในปี 2004
ธนาคารกลางประชาชนจีนระบุในแถลงการณ์ว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปเพื่อชดเชยผลกระทบของเงินกู้ระยะปานกลางที่หมดอายุไป ทั้งยังเป็นช่วงที่มีการยื่นภาษีสูง และมีปริมาณความต้องการเงินสดสูงสำหรับเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย
การรักษาสภาพคล่องของธนาคารขนานใหญ่นี้ เกิดขึ้นหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยระหว่างสถาบันการเงิน (Interbank Offer Rate) ระยะ 7 วันพุ่งขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี โดยที่ผ่านมา ความมุ่งมั่นในการปกป้องเงินหยวนที่เพิ่มขึ้นของธนาคารกลางประชาชนจีน ได้สร้างความหวาดผวาว่า ธนาคารกลางประชาชนจีนอาจระงับการสนับสนุนสภาพคล่องทางเศรษฐกิจแล้ว
ลินน์ ซ่ง (Lynn Song) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่ของกลุ่มธุรกิจธนาคารไอเอ็นจี (ING Group) กล่าวว่า ธนาคารกลางประชาชนจีนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการดำเนินนโยบายการเงินผ่านทางตลาดการเงินมากขึ้นในปี 2025 ซึ่งเป็นอีกวิธีที่จะจัดการกับสภาพคล่อง นอกเหนือจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราส่วนเงินสำรองขั้นต่ำ (RRR)
ระยะหลังมานี้ ธนาคารกลางประชาชนจีนคอยลดบทบาทของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ในฐานะอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนไปใช้อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน หรือ Reverse Repo ระยะ 7 วันแทน
ทั้งนี้ เซียน ชางเหนิง (Xuan Changneng) รองผู้ว่าการธนาคารกลางประชาชนจีน กล่าวว่า จีนจะใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราส่วนเงินสำรอง (RRR) เพื่อรักษาสภาพคล่องต่อไปด้วยเช่นกัน
อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืน (Repo Rate) ระยะ 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราอ้างอิงการกู้ยืมระหว่างสถาบันการเงินด้วยกัน ร่วงลง 70 เบซิสพอยต์ เหลือ 1.6% ทันทีที่ตลาดเปิดหลังธนาคารกลางประชาชนจีนดำเนินนโยบายดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ อัตราดังกล่าวปิดตัวในตลาดวันที่ 14 มกราคม 2025 อยู่ที่ 2.3% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023