
นักวิเคราะห์คาด TikTok อาจมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ หากต้องขายกิจการในสหรัฐ หลัง TikTok เตรียมลากิจการในวันที่ 19 มกราคมนี้ เนื่องจากไม่สามารถหาผู้ซื้อต่อกิจการได้
ตามการรายงานของซีเอ็นบีซี (CNBC) แองเจโล ซีโน่ (Angelo Zino) นักวิเคราะห์อาวุโสด้านตลาดทุนของซีเอฟอาร์เอ รีเสิร์ช (CFRA Research) ประเมินว่า ติ๊กต๊อก (TikTok) ในสหรัฐอาจมีมูลค่าสูงถึง 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,383,000-1,729,000 ล้านบาท)
ขณะที่บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ (Bloomberg Intelligence) วิเคราะห์ในเดือนกรกฎาคม 2024 ว่าติ๊กต๊อกอาจขายบริษัทได้ในมูลค่า 30,000-35,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,037,560-1,210,490 ล้านบาท) เนื่องจากถูกบังคับขายกิจการ
ข่าวสด รายงานว่า นับเป็นข่าวเศร้าสำหรับสายคอนเทนต์ทั้งหลาย เมื่อมีประกาศออกมาว่า แอปพลิเคชั่น TikTok วางแผนที่จะปิดการให้บริการในสหรัฐอเมริกา วันอาทิตย์นี้ (19 มกราคม 2568)
ศาลฎีกาจะตัดสินเรื่องการแบน TikTok ในวันอาทิตย์นี้
รอยเตอร์เผยว่า TikTok แอปโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคน มีแผนจะปิดการให้บริการในสหรัฐ วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคมนี้ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ไร้การผ่อนผันในนาทีสุดท้าย
งานนี้ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กำลังพิจารณาออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อระงับการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว และหวังว่าจะมีเวลามากกว่านี้ เพื่อคลี่คลายประเด็นทางการเมือง
แต่อย่างไรก็ดี ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นหลังจากที่เริ่มมีคำสั่งแบน TikTok หนึ่งวัน
โดยมีการกำหนดให้ห้ามดาวน์โหลดแอป TikTok ใหม่บน Apple และ Google ขณะที่ผู้ใช้ที่มีแอป TikTok อยู่ในเครื่องจะยังคงสามารถใช้งานแอปได้ แต่ไม่สามารถอัพเดตแอปได้ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป
“ไมค์ วอลท์ซ” (Mike Waltz) ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่ของทรัมป์ กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันพุธว่า “TikTok เองก็เป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เราจะหาวิธีรักษาแพลตฟอร์มนี้ไว้ แต่จะต้องปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ด้วย”
ทั้งนี้ สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ยังไม่มีแผนที่จะเข้าแทรกแซงเพื่อขัดขวางการแบนในช่วงวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง
การเคลื่อนไหวของ TikTok หากแอปพลิเคชั่นถูกแบนในสหรัฐ
ทางด้าน TikTok มีการวางแผนสำหรับผู้ใช้ กรณีหากแอปดังกล่าวถูกแบนไว้ว่า ผู้ใช้ที่พยายามเปิดแอป จะเห็นข้อความพ็อปอัพที่นำไปยังเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการแบนดังกล่าว โดยรายละเอียดดังกล่าวนี้ถูกเปิดเผยโดยแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม เนื่องจากเรื่องนี้ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
บริษัทยังมีแผนที่จะให้ผู้ใช้มีตัวเลือกในการดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดของตน เพื่อให้พวกเขาสามารถบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้
ขณะนี้ศาลฎีกาสหรัฐกำลังตัดสินใจว่าจะยืนตามกฎหมายและเริ่มแบน TikTok ในวันอาทิตย์นี้หรือไม่ หรือจะหยุดกฎหมายชั่วคราวเพื่อให้ศาลมีเวลาตัดสินใจมากขึ้น
การแบนแอป TikTok อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลก
ทาง TikTok ยังระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลเมื่อเดือนที่แล้วว่า การปิดตัวลงของ TikTok ในสหรัฐอเมริกา อาจทำให้ผู้ใช้ในหลายประเทศไม่สามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ได้
เนื่องจากผู้ให้บริการหลายร้อยรายในสหรัฐอเมริกา ช่วยทำให้แพลตฟอร์มนี้พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก และหากมีการแบนเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทั่วโลก
TikTok กล่าวในเอกสารที่ยื่นต่อศาลอีกว่า จำเป็นต้องมีคำสั่งเพื่อ “หลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของบริการสำหรับผู้ใช้ TikTok หลายสิบล้านคนนอกสหรัฐอเมริกา”
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า การปิดแอป TikTok มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องผู้ให้บริการ TikTok จากความรับผิดชอบทางกฎหมาย และทำให้การกลับมาให้บริการอีกครั้งง่ายขึ้นหากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เลือกที่จะยกเลิกการแบน TikTok
ขณะที่ TikTok และบริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance ยังไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์กับสื่อแต่อย่างใด
สำหรับ ByteDance เป็นบริษัทเอกชน ถือหุ้นโดยนักลงทุนสถาบันมากมาย อาทิ BlackRock และ General Atlantic ซึ่งถือหุ้นอยู่ประมาณ 60% ในขณะที่ผู้ก่อตั้งถือหุ้น 20% และพนักงานถือหุ้นอีก 20% บริษัทมีพนักงานมากกว่า 7,000 คนในสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2567 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามในกฎหมายที่กำหนดให้ ByteDance ต้องขายสินทรัพย์ในสหรัฐภายในวันที่ 19 มกราคม ไม่เช่นนั้นจะถูกแบนทั่วประเทศ
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วศาลฎีกาดูเหมือนจะโน้มเอียงที่จะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว