สหรัฐจำกัดส่งออกชิป AI สงครามเทคครั้งสุดท้ายของ ‘ไบเดน’

สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ

รัฐบาลโจ ไบเดน (Joe Biden) ออกกฎจำกัดการส่งออกชิปที่ใช้สำหรับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ประเทศจีน คู่แข่งหมายเลข 1 ในยุคปัจจุบัน เสมือนเป็นการออกรบใน “สงครามเทค” ครั้งสุดท้ายของไบเดน เพียงไม่กี่วันก่อนพ้นตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

กฎใหม่นี้ที่ประกาศเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2025 แบ่งกลุ่มประเทศ/ดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ พันธมิตรชิดใกล้ของสหรัฐ อย่างเช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน สามารถซื้อชิปได้โดยไม่มีข้อจำกัด

กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มคู่อริของสหรัฐ อย่างจีน รัสเซีย ที่สหรัฐสั่งห้ามไม่ให้ขายชิปขั้นสูงให้อยู่แล้ว

ส่วนกลุ่มที่สาม ประเทศทั่ว ๆ ไปส่วนใหญ่ของโลก จะถูกจำกัดโควตาที่สามารถซื้อชิป AI ได้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงชิป AI ผ่านการซื้อชิปต่อจากประเทศที่สาม โดยเฉพาะประเทศในตะวันออกกลาง

ฝ่ายบริหารของไบเดนร่ายยาวถึงเหตุผลที่ต้องออกกฎนี้ ทั้งเหตุผลทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ แต่ใจความสำคัญก็เน้นไปที่เรื่องความมั่นคง

“ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของทั้งความมั่นคงและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว สหรัฐต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยทำให้แน่ใจได้ว่าเทคโนโลยีของสหรัฐนั้นรองรับการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลก และศัตรู [ของสหรัฐ] ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงได้โดยง่าย หากระบบปัญญาประดิษฐ์อันทรงพลังตกอยู่ในมือของผู้ที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติอย่างรุนแรง อย่างการพัฒนาอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การสนับสนุนปฏิบัติการทางไซเบอร์อันทรงพลัง และช่วยเพิ่มการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การสอดแนมมวลชน ปัจจุบันประเทศที่น่ากังวลต่างนำ AI-ซึ่งรวมถึง AI ที่ผลิตในสหรัฐ-มาใช้กันอย่างแข็งขัน และพยายามบ่อนทำลายความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐด้วย” คือส่วนหนึ่งในประเทศที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการ

ADVERTISMENT

มาตรการใหม่นี้ของไบเดน ไม่เพียงแต่สร้างความฉุนให้จีน แต่ยังจุดชนวนการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อย่างเช่น อินวิเดีย (Nvidia) และออราเคิล (Oracle) ว่า กฎใหม่นี้เป็นกฎระเบียบที่ควบคุมเกินขอบเขตและไม่ได้เสริมสร้างความมั่นคงของสหรัฐแต่อย่างใด

ความเคลื่อนไหวนี้ของรัฐบาลไบเดนเกิดขึ้นหลังจากมีความเคลื่อนไหวใหญ่สองเหตุการณ์ในแวดวง AI ในช่วงสิ้นปี 2024 ที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวแรก คือ โอเพ่นเอไอ (OpenAI) บริษัทเทคสหรัฐเปิดตัวโมเดล o3 ซึ่งทำคะแนนได้ 88% จากการทดสอบการใช้เหตุผลแบบยาก ๆ ซึ่งยังไม่เคยมี AI ตัวไหนทำคะแนนได้เกิน 32% มาก่อน

ADVERTISMENT

อีกความเคลื่อนไหว คือ ดีปซีก (DeepSeek) บริษัทเทคจีนได้เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์ซที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลภาษาที่บริษัทสหรัฐเคยเปิดตัวมา ความสำเร็จนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิจัย AI และเจ้าหน้าที่ของสหรัฐจำนวนมากที่เคยเชื่อว่าจีนยังตามหลังสหรัฐในด้านศักยภาพของ AI แต่บริษัทจีนกลับตบหน้าสหรัฐโดยการสร้างโมเดล AI ระดับโลกสำเร็จ ในช่วงเวลาที่จีนโดนสหรัฐคว่ำบาตรไม่ให้เข้าถึงชิปขั้นสูงด้วยซ้ำ

อันที่จริงคนในอุตสาหกรรมหรือคนที่ติดตามข่าวสารวงการเทคอย่างใกล้ชิดทราบกันว่า แม้จีนโดนสหรัฐกีดกันการเข้าถึงชิปขั้นสูง แต่จีนก็ยังมีช่องทางลักลอบนำเข้าชิปเพื่อพัฒนา AI ได้ และความสำเร็จของดีปซีกก็เป็นเครื่องยืนยันสิ่งนี้ ดังนั้น ขณะที่เหลือเวลาในทำเนียบขาวเพียง 1 สัปดาห์ ไบเดนจึงเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อจะทำให้จีนลักลอบนำเข้าชิปได้ยากขึ้น

ฝั่งจีนไม่นิ่งเฉย กระทรวงพาณิชย์จีนตอบโต้ทันทีในวันที่ 13 มกราคมว่า จีนคัดค้านอย่างหนักแน่ต่อสหรัฐ และบอกว่า จีนจะดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมายของจีน

โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า ข้อจำกัดของสหรัฐเป็นการแทรกแซงบุคคลที่สามที่ดำเนินการค้าขายแบบปกติกับจีน เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างรุนแรง บ่อนทำลายกฎเกณฑ์ตลาดและระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมถึงส่งผลกระทบต่อการพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีระดับโลก นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของธุรกิจทั่วโลก ซึ่งรวมถึงธุรกิจในสหรัฐ

“จีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมตามกฎหมาย” โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศกร้าว

แม้ว่ากฎใหม่นี้ของไบเดนจะต้องเปิดรับฟังความเห็น 120 วัน และการบังคับใช้จริงจะเกิดขึ้นในยุคสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดี ในวันที่ 20 มกราคมนี้ แต่สุนทรพจน์ด้านนโยบายต่างประเทศที่ไบเดนกล่าวเมื่อวันที่ 13 มกราคมนั้น ดูเหมือนจะสรุปความสิ่งที่ไบเดนคิดและทำได้เป็นอย่างดี

ไบเดนบอกว่า สิ่งที่รัฐบาลของเขาทำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ขั้วพันธมิตรสหรัฐแข็งแกร่งขึ้นและทำให้คู่แข่งอ่อนแอลง ซึ่งเขาจะส่งมอบอเมริกาที่แข็งแกร่งขึ้นและคู่แข่งที่อ่อนแอลงให้กับทรัมป์

…นอกจากจะเป็นการพุ่งเป้าจัดการประเทศคู่แข่งแล้ว ยังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการเกทับทรัมป์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน