
20 มกราคม 2025 วันที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ กับคำมั่นสัญญาที่ว่าจะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make America Great Again) จะเป็นวันที่เปลี่ยนโลกให้ปั่นป่วนอีกครั้งในดีกรีที่ป่วนยิ่งกว่าที่เคย
ประเด็นสำคัญในแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ คือ การเน้นทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเติบโตและแข็งแกร่งด้วยนโยบายที่อยู่ภายใต้แนวคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” หรือ “America First” โดยหลักใหญ่ใจความสำคัญ คือ การใช้มาตรการด้านอุตสาหกรรมและการค้า รวมถึงมาตรการทางภาษี เพื่อดึงอุตสาหกรรมการผลิตกลับเข้าสู่ประเทศและสร้างงานในประเทศ
สำนักวิจัยและบรรดานักเศรษฐศาสตร์มีการวิเคราะห์กันว่า นโยบาย “America First” ของทรัมป์ จะทำให้การกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้าสำคัญ ๆ ของสหรัฐ แต่ในอีกทางหนึ่ง นโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์ที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของชาวอเมริกันนั้น ถูกมองว่าจะส่งผลเสียต่อสหรัฐและชาวอเมริกันเอง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั่วโลกกำลังจับตามองการมาของทรัมป์ด้วยความหวาดผวา ขณะเดียวกันก็กำลังเตรียมพร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงและปั่นป่วนที่จะเกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลของทรัมป์ ซึ่งทรัมป์บอกว่าเขาเตรียมออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 100 ฉบับในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นั่นหมายความว่าโลกจะปั่นป่วนตั้งแต่วันแรก
นโยบายสำคัญ 5 ด้าน
จากการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อกลับคืนสู่ทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ มีนโยบายสำคัญ 5 ด้าน ที่จะแตกแขนงออกไปเป็นมาตรการและคำสั่งต่าง ๆ อีกมากมาย ได้แก่
1.การค้าและภาษีนำเข้า : ทรัมป์มีนโยบายกดดันการค้าระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้น โดยประกาศว่าจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 60% และจากประเทศอื่นในอัตรา 10% ถึง 20% ทั้งยังสนับสนุนให้การค้าระหว่างประเทศเป็นระบบต่างตอบแทน (Reciprocity) โดยให้ใช้อัตราภาษีระดับเดียวกันกับที่ประเทศคู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้าส่งออกของสหรัฐ
2.พลังงานและสิ่งแวดล้อม : ทรัมป์เสนอให้ยกเลิกการให้ภาษีส่วนลดสำหรับการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และยกเลิกรัฐบัญญัติลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act : IRA) ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอยกเลิกกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการใช้ถ่านหินในโรงงานผลิตพลังงาน การปล่อยก๊าซของเสียรถยนต์ และการปล่อยก๊าซมีเทนในอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียม
3.ปราบปรามผู้อพยพ : หนึ่งในหัวใจสำคัญของแคมเปญหาเสียงของทรัมป์คือ คำมั่นสัญญาที่จะปราบปรามผู้อพยพที่ลักลอบเข้าสหรัฐ โดยจะเนรเทศกลับประเทศ ซึ่งตามข้อมูลของศูนย์การศึกษาด้านการย้ายถิ่นฐาน (Center for Migration Studies) ระบุว่า ในสหรัฐมีผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารการเข้าประเทศอย่างถูกต้องจำนวน 11.7 ล้านคน ณ ปี 2023 และคาดว่าการเนรเทศผู้อพยพกลับประเทศจะต้องใช้เวลาหลายปี และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมาก
4.มีอิทธิพลเหนือธนาคารกลาง : ทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายการเงินโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (Federal Reserve System) เขาเห็นว่ามีมาตรการอื่นที่สามารถเลือกใช้เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อในตลาดได้ และเขาพยายามจะเพิ่มอำนาจของประธานาธิบดีให้มีอำนาจเหนือธนาคารกลาง
5.ภาษีธุรกิจ : เพื่อเอาใจภาคธุรกิจ รวมถึงมีเป้าหมายดึงการผลิตไว้ในประเทศ ทรัมป์มีนโยบายปรับลดอัตราเงินได้นิติบุคคลหรือภาษีธุรกิจลงไปอยู่ที่ 15% ถึง 20% จากปัจจุบันเก็บที่อัตรา 21% ซึ่งเป็นอัตราที่ปรับลดลงมาจาก 34% ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก
จับตา 100 วันแรก
100 วันแรกของผู้นำและรัฐบาลเป็นช่วงที่สำคัญและถูกจับตามองอย่างยิ่ง แต่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่า 100 วันแรกของทรัมป์มีความสำคัญน้อยกว่าปกติ เพราะเป็นการกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย ซึ่งหมายถึงไม่ใช่ 100 วันแรกครั้งแรกของเขาในตำแหน่งนี้ อีกทั้งมองว่าทรัมป์จะออกคำสั่งสำคัญ ๆ ตั้งแต่วันแรก ๆ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม 100 วันแรกของทรัมป์ก็ยังถูกจับตามองจากทั่วโลก
แผน 100 วันแรกที่ทรัมป์เตรียมไว้ก็อยู่ในนโยบายหลัก 5 ด้านข้างต้น นอกจากนั้นก็มีแผนทางการคลังที่ทรัมป์ต้องการให้ขยายหรือยกเลิกเพดานหนี้สาธารณะ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าทรัมป์จะเน้นใช้อำนาจฝ่ายบริหารในด้านผู้อพยพ และการผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ก่อน จากนั้นจึงจะเริ่มขึ้นภาษีสินค้านำเข้า
ทรัมป์เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาว่า การดำเนินนโยบายด้านภาษี ด้านการรักษาความมั่นคงชายแดน ด้านพลังงาน และการคลังของประเทศ (ยกเลิกหรือขยายเพดานหนี้) จะอยู่ในร่างกฎหมายใหญ่ฉบับเดียว ซึ่งสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันกำลังร่างอยู่
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันสามารถผ่านร่างกฎหมายหนึ่งหรือสองฉบับได้โดยใช้กระบวนการแก้ไขปรับปรุงงบประมาณ ซึ่งต้องใช้เสียงข้างมากธรรมดาในการอนุมัติ ซึ่งไมก์ จอห์นสัน (Mike Johnson) ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขาหวังที่จะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวได้ภายใน 100 วันแรกของทรัมป์
ประกาศ 100 คำสั่งตั้งแต่วันแรก
โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เคยไฮไลต์ “100 วันแรก” ของตนเอง แต่เขาไฮไลต์ที่ “วันแรก” ซึ่งเขาบอกว่าเตรียมคำสั่งฝ่ายบริหารประมาณ 100 ฉบับ ที่จะลงนามและประกาศตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยคำสั่งเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อที่จะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของโจ ไบเดน (Joe Biden) และแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายต่าง ๆ ที่ผ่านสภาในช่วงรัฐบาลไบเดน
“ผมสามารถลบล้างสิ่งที่ไบเดนทำเกือบทั้งหมดได้ เขาทำได้ด้วยคำสั่งฝ่ายบริหาร และในวันแรกของผมนั้น หลาย ๆ อย่างจะถูกลบล้าง” ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์ (Time) เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ตัวอย่างคำสั่งที่ทรัมป์บอกว่า เขาจะออกคำสั่งตั้งแต่วันแรกของการดำรงตำแหน่ง ได้แก่
-ออกคำสั่งหนุนการผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา โดยให้ผลิตในอเมริกา ใช้พลังงานของอเมริกา และจัดหาชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ในอเมริกา ผลิตและประกอบโดยคนงานชาวอเมริกัน
-การเนรเทศผู้อพยพเข้าสู่สหรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยุตินโยบาย “พรมแดนเปิด” (Open Border) ของรัฐบาลไบเดน
-ยุติการให้สัญชาติโดยกำเนิดสำหรับเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นผู้อพยพ
-อภัยโทษให้บุคคลจำนวนมากที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาที่บุกเข้าไปในรัฐสภาเพื่อประท้วงการรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
-ยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเขาเคยคุยโวไว้ก่อนเลือกตั้งว่า “ผมจะทำให้เรื่องยุติลงได้ก่อนที่จะได้เป็นประธานาธิบดีด้วยซ้ำ” แต่ล่าสุด ในการแถลงข่าวในเดือนนี้ เมื่อถูกถามว่าจะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้เร็วเพียงใด เขาตอบว่า “ผมหวังว่าจะมีเวลาอีกสัก 6 เดือน” และบอกว่า ไม่เหมาะสมที่จะหารือกับวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย ในเรื่องนี้ก่อนเข้ารับตำแหน่ง
-จะออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็น 25% และจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ส่วนอัตราภาษีที่ขู่จะเก็บจากจีนอย่างต่ำ 60% ยังคงอยู่ในแผน
-จะจัดตั้งหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใหม่เพื่อจัดเก็บภาษีนำเข้า อากร และรายได้ทั้งหมดจากต่างประเทศโดยเฉพาะ แสดงถึงความจริงจังที่จะเก็บภาษีสินค้าจากต่างประเทศเพื่อชดเชยรายได้ที่จะหายไปจากการลดอัตราภาษีเงินได้ในประเทศ
-ยกเลิกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศหลายนโยบายที่รัฐบาลไบเดนกำหนด รวมถึงยกเลิกการให้เงินอุดหนุนการแก้ปัญหาสภาพอากาศ ยกเลิกข้อจำกัดในการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล
-ยกเลิกข้อกำหนดให้รถยนต์และรถบรรทุกใหม่ต้องเป็นรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้ถึงสัดส่วน 50% ของยอดจำหน่ายรถใหม่ทั้งหมดภายในปี 2030 รวมถึงยกเลิกเครดิตภาษีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีความหมายเป็นการยกเลิกการหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
-เร่งออกใบอนุญาตขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมันและก๊าซ ซึ่งทรัมป์อ้างว่าการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนพลังงานได้อย่างมาก
-ยกเลิกกฎระเบียบของรัฐบาลกลางหลายฉบับ ที่เขามองว่าเป็นสาเหตุทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น “ในวันแรก ผมจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในทันทีเพื่อสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางทุกแห่งยกเลิกกฎระเบียบที่สร้างภาระทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น” เขากล่าวในการหาเสียงเมื่อเดือนตุลาคม 2024
-ลดเงินอุดหนุนโรงเรียนที่มีนโยบายการสอนแบบ Woke หรือให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิ-ความเท่าเทียม ความหลากหลายต่าง ๆ ซึ่งเขามีแนวคิดต่อต้าน
-สั่งห้าม “ผู้หญิงข้ามเพศ” เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาของเพศหญิง
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าคำมั่นสัญญาบางอย่างของทรัมป์ที่ว่าจะทำในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง จะสามารถบรรลุได้โดยการดำเนินการของฝ่ายบริหาร แต่หลาย ๆ คำมั่นสัญญาก็อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน หรือหลายปี ในการเจรจากับรัฐสภา และคำสั่งหลายฉบับที่ทรัมป์เสนอนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับการต่อสู้ทางกฎหมาย