จบวันแรก ทรัมป์โฮลด์ภาษีจีน แต่เก็บสองชาติเพื่อนบ้าน กุมภาฯ นี้เลย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารภายในแคปิตอล วัน แอเรียนา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 (ภาพ เอเอฟพี)

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนแบบทันที บอกให้ศึกษาเพิ่มเติม ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่มีน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลงต่อรัฐบาลจีนในช่วง 2- 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนภาษีสินค้าจากประเทศอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างพิจารณา “เขายังไม่พร้อม” แต่เว้นไว้ 2 ชาติเพื่อนบ้านที่ถูกมองว่าสร้างปัญหาใกล้ตัวสหรัฐมากที่สุดอย่างปัญหาชายแดนที่ลุกลามเป็นปัญหาภายในระดับชาติ ทรัมป์จึงบอกได้ตั้งแต่วันแรกว่า เขาจะเรียกเก็บภาษีเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25 % ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เลย

ในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชะลอการเปิดเผยภาษีนำเข้าที่จะเรียกเก็บจากจีนโดยเฉพาะ และสั่งให้ตรวจสอบว่ารัฐบาลจีนปฏิบัติตามข้อตกลงที่ลงนามในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งสมัยแรก หรือไม่ ทั้งปฏิเสธที่จะบอกว่า เขาจะกำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมกับจีนเมื่อใด และกล่าวว่า ตนจะประชุมและโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน

ในการแถลงข่าวแบบฉับพลันที่ห้องทำงานรูปไข่ ทำเนียบขาวเมื่อ 20 มกราคม หลังการทำพิธีสาบานตนเสร็จสิ้น บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ทรัมป์พยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำตามแผนภาษีนำเข้าจากจีน แม้ประธานาธิบดีคนใหม่ระบุว่าเขาตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนจริง เนื่องจากจีนมีบทบาทในการส่งออกสารตั้งต้นยาแก้ปวดอย่างเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารเสพติด ส่งไปยังเม็กซิโกและแคนาดาเข้าสหรัฐ รวมถึงความไม่พอใจต่ออิทธิพลจีนเหนือคลองปานามาที่สหรัฐส่งมอบให้ปานามา ที่ถือได้ว่า เป็นหลังบ้านของสหรัฐ

และระบุว่าเขาสามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนได้เช่นกัน หากรัฐบาลจีนขัดขวางการขายแอปพลิเคชั่นติ๊กต็อก (TikTok) ให้สหรัฐ

ในร่างบันทึกการค้า ซึ่งคาดว่าทรัมป์จะลงนามเร็วๆนี้ ตามที่รอยเตอร์ (Reuters) รายงาน ทรัมป์สั่งให้หน่วยงานรัฐบาลกลางประเมินผลงานจีนภายใต้ข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ซึ่งทรัมป์ได้ลงนามกับรัฐบาลจีนในปี 2020 เพื่อยุติสงครามภาษีที่ดำเนินมานานเกือบ 2 ปี ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้จีนต้องเพิ่มการซื้อสินค้าส่งออกของสหรัฐอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ (6.8 ล้านล้านบาท) ในระยะเวลา 2 ปี แต่รัฐบาลจีนไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19

การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจนำไปสู่ภาษีการค้าในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ช่วงเวลาในการขึ้นภาษีที่ชะลอออกไป ถือเป็นการผ่อนคลายลงสำหรับบริษัทบางแห่งที่หวาดวิตกว่าจะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าตั้งแต่วันแรกเลย ซึ่งในช่วงหาเสียง ทรัมป์สัญญาว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าทั้งหมด 10% ถึง 20% และ 60% สำหรับสินค้าจีน

ADVERTISMENT

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาษีนำเข้าของทรัมป์ ซึ่งเขาขู่ว่าจะจัดเก็บกับทั้งฝ่ายตรงข้ามและพันธมิตร มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงที่สุดต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งครั้งหนึ่ง ทรัมป์คือผู้ที่เรียกตัวเองว่า “มนุษย์ภาษี” ได้จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่าประมาณ 380,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 12.8 ล้านล้านบาท) ในสมัยแรก

ไม่ว่า ภาษีศุลกากรจะมีผลอย่างไรในการลดการขาดดุลการค้า การฟื้นการผลิตกลับคืนมา หรือยุติวิกฤตใดๆ ก็ตาม เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังคงมีความคลางแคลง แต่มองรวมๆว่า การเก็บภาษีศุลกากรในระยะสั้นมีแนวโน้มว่าจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพิ่มต้นทุนการนำเข้า และเพิ่มรายได้ของรัฐบาล อย่างน้อยก็ในช่วงแรก

ADVERTISMENT

แต่ในขณะนี้ วิเคราะห์กันในวันแรกที่รับตำแหน่ง ดูเหมือนว่า เครื่องมือทางภาษีถูกใช้หรือผูกโยงเข้ากับการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ทรัมป์ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆและอาจกล่าวได้ว่า ปัญหาชายแดน ซึ่งกลายเป็นปัญหาความมั่นคงปลอดภัยภายในประเทศลำดับต้น จะเห็นได้จากการเรียกเก็บภาษีจากเพื่อนบ้านทางใต้อย่างเม็กซิโกและทางเหนืออย่างแคนาดาในอัตรา 25 % ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยอ้างเหตุผลว่าทั้งสองชาติอนุญาตให้ผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดหลั่งไหลเข้ามาในสหรัฐ

แผนของทรัมป์ที่จะเก็บภาษีศุลกากรกับสองประเทศที่มีความสำคัญต่อการนำเข้าพลังงานและรถยนต์ของสหรัฐ เสี่ยงที่จะจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าระหว่างภาคีข้อตกลงการค้าที่มีสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา หรือข้อตกลง USMCA ที่ทรัมป์เป็นผู้ลงนามในสมัยแรก ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งมีกำหนดจะทบทวนในปี 2026 ควบคุมการไหลเวียนของการค้าสินค้าและบริการมูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 61 ล้านล้านบาท) โดยอ้างอิงจากข้อมูลปี 2022 และแคนาดา เม็กซิโกให้คำมั่นตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน

ปัญหาชายแดนกระทบความมั่นคงความปลอดภัยของคนอเมริกันนำมาสู่สโลแกน “อเมริกาต้องมาก่อน”  ซึ่งในช่วงรัฐบาลไบเดน มีจุดพีกที่สุด ในประมาณปี 2023 พบว่ามีผู้อพยพทั้งที่เข้ามาแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายเข้ามาในพรมแดนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประมาณกว่า 300,000 คน และที่อยู่หน้าด่านชายแดนฝั่งเม็กซิโกอีกนับล้านคน

ถ้อยแถลงของทรัมป์ในโอกาสสาบานตนสถาปนาขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 อย่างเป็นทางการ กล่าวถึงปัญหาชายแดนก่อนประเด็นอื่นๆ แล้วค่อยไล่เรียงคร่าวๆว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร 

“ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ของเรา การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทั้งหมดจะถูกหยุดทันที และเราจะเริ่มกระบวนการส่งตัวคนต่างด้าวที่ก่ออาชญากรรมหลายล้านคนกลับไปยังสถานที่ที่พวกเขามา” ทรัมป์กล่าวในถ้อยแถลงรับตำแหน่ง ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง

หลังประกาศ ทรัมป์ก็ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเสริมความปลอดภัยที่ชายแดนทางใต้ ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้ารับตำแหน่ง และต่อมาสั่งให้เพิ่มทหารในพื้นที่ตามประกาศ ถือเป็นการทำตามสัญญาทางการเมืองที่ชัดเจนในการปราบปรามผู้อพยพ และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ที่สร้างความแตกแยกแบ่งขั้วในประเทศอีกครั้ง