
การสำรวจความเห็นบริษัทจากสหรัฐที่ทำธุรกิจในประเทศจีนเมื่อปลายปี 2024 พบว่า 51% กังวลกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐที่แย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งสัดส่วนนี้เป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี และ 21% มองว่าจีนไม่ใช่จุดหมายการลงทุนอันดับต้น ๆ อีกต่อไป
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานในวันที่ 23 มกราคม 2025 ว่า ผลสำรวจความคิดเห็นสมาชิกรายปีของหอการค้าอเมริกัน (American Chamber of Commerce: AmCham) ในประเทศจีน ที่เปิดเผยในวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พบว่าธุรกิจสัญชาติอเมริกันในประเทศจีนมากกว่าครึ่ง หรือ 51% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดรู้สึกกังวลกับความสัมพันธ์ทวิภาคีของสหรัฐกับจีนที่จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งสัดส่วน 51% นี้เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี
แบบสำรวจที่จัดทำโดยหอการค้าอเมริกันในจีนเปิดเผยออกมาในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวาระที่ 2 โดยมีคำขู่ที่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนดังที่กล่าวไว้ในตอนหาเสียงเลือกตั้ง
แอลวิน หลิว (Alvin Liu) ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศจีนกล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสร้างสรรค์โดยมีพื้นฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่เพียงแค่สำหรับความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองชาติ (สหรัฐและจีน) แต่ยังรวมถึงความมั่นคงหรือความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจระดับโลกด้วย
หลิวให้ข้อมูลว่า ประเด็นที่เป็นข้อกังวลหลัก ๆ ของธุรกิจสหรัฐในประเทศจีน คือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายของจีน และข้อพิพาททางการค้า
ในประเด็นอื่น ๆ ผลการสำรวจพบว่าผู้บริหารบริษัทเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามยังคงจัดให้ประเทศจีนอยู่ใน 3 อันดับแรกของการลงทุนในระดับโลก ซึ่งสัดส่วนนี้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการสำรวจในปีก่อนหน้า (YOY) แต่สัดส่วนของบริษัทที่ไม่เลือกจีนเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางการลงทุนอันดับต้น ๆ อีกต่อไปเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 21% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากจากสัดส่วน 18% ในการสำรวจปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ การสำรวจยังเปิดเผยให้เห็นว่าสัดส่วนบริษัทสหรัฐในจีนที่รายงานว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับบริษัทจีน ยังคงมีสัดส่วนใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า คือประมาณ 1 ใน 3 ของบริษัทสหรัฐทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงตลาดและการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ
ทั้งนี้ การสำรวจนี้สำรวจความเห็นสมาชิกของหอการค้าอเมริกันในประเทศจีนทั้งหมด 368 บริษัท ในระหว่างเดือนตุลาคมจนถึงพฤศจิกายน 2024 ซึ่งการตอบแบบสำรวจส่วนหนึ่งเกิดหลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024
ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งแรกของทรัมป์มีสิ่งที่โดดเด่น คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และความถดถอยของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งยังไม่ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ซึ่งดำรงตำแหน่งต่อจากทรัมป์
เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่าฝ่ายบริหารของเขากำลังพิจารณาที่จะเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากประเทศจีนอัตรา 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นไป ซึ่งการเรียกเก็บภาษีนี้เป็นการลงโทษจีน เนื่องจากสหรัฐมองว่าจีนไม่ช่วยแก้ปัญหาการลักลอบส่งเฟนทานิลจากจีนเข้าสหรัฐผ่านพรมแดนเม็กซิโกและแคนาดา