เหตุผล 3 ข้อที่ TSMC อาจรอดภาษีชิป แม้ทรัมป์ขู่ขึ้นสูงสุด 100 %

ภาพแฟ้ม-บริเวณด้านหน้าโรงงาน TSMC Fab 18 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ไต้หวันตอนใต้ในนครไถหนาน ไต้หวัน เมื่อ 5 ธันวาคม 2024 (ภาพ REUTERS/Ann Wang)

กระทรวงเศรษฐกิจและรัฐบาลไต้หวันยืนกราน ว่าความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) กับสหรัฐเป็นข้อเสนอที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (win-win) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่อีกครั้งจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงสุดถึง 100% ในระหว่างการประชุม สส.พรรครีพับลิกันเมื่อ 28 มกราคมที่ผ่านมา

แม้ว่าการผลิตส่วนใหญ่จะอยู่ในไต้หวัน แต่บริษัทผลิตชิปชั้นนำอย่างไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริ่ง คอมปะนี หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ยังคงสร้างฐานการผลิตในรัฐแอริโซนาของสหรัฐต่อไป อย่างไรก็ตาม ทรัมป์โจมตีการตัดสินใจของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐที่ให้เงินช่วยเหลือจำนวนมากเพื่อดึงดูดการลงทุน ทรัมป์กล่าวว่าเราไม่ต้องการมอบเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้พวกเขาเหมือนกับโครงการไร้สาระของไบเดน เพราะบริษัทชิปเหล่านี้มีเงินหลายพันล้านดอลลาร์อยู่แล้ว

“ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะกำหนดภาษีนำเข้าชิปคอมพิวเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาจากต่างประเทศ” ทรัมป์บ่นว่าการผลิตชิป “ทิ้งเราไปแล้วและไปที่ไต้หวัน” โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องมีแรงจูงใจเพื่อนำการผลิตชิปกลับคืนมา นั่นคือผู้ผลิตชิปจะไม่ต้องการจ่ายภาษี “25%, 50% หรือแม้แต่ 100%” ทรัมป์กล่าวกับสมาชิกพรรครีพับลิกัน

จากคำตอบของกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันบ่งชี้ว่า ไต้หวันยังคงมีความหวังในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์กับทีมงานใหม่ของทรัมป์

และเมื่อรวมกับที่ไต้หวันมีเป้าหมายที่จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นประชาธิปไตยกับสหรัฐและประเทศอื่น ๆ ที่มีแนวคิดเดียวกัน เป็นการตอบโต้ที่จำเป็นต่อความสามารถด้านการผลิตที่เหนือกว่าของจีน

หลิน เจียหลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เซมิคอนดักเตอร์เป็น 1 ใน 8 ด้านที่ไต้หวันกำหนดเป้าหมายสำหรับการทำงานร่วมกับรัฐบาลที่เป็นพันธมิตร อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่เชื่อถือได้ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และอธิปไตยด้านปัญญาประดิษฐ์

ADVERTISMENT

เอียน ชุง-เยิน เฉิน (Ian Tsung-yen Chen) ศาสตราจารย์และผู้อำนวยการสถาบันรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติซุน ยัตเซ็น ชี้ว่ารัฐบาลไต้หวันหวังว่าผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จะร่วมมือตามนโยบายทรัมป์ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคี แต่อิทธิพลของรัฐบาลไต้หวันต่อแผนงานต่างประเทศของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันนั้นมีจำกัด และการตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังคงอยู่ที่บริษัท

อย่างไรก็ตาม ตั้งคำถามว่ารัฐบาลทรัมป์จะไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงของอุตสาหกรรมชิปและความต้องการ/ความจำเป็นของอเมริกา

ADVERTISMENT

อาจารย์เฉินเชื่อว่าไต้หวันและรัฐบาลสหรัฐรู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะคัดลอก (Copy) การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันไปยังสหรัฐ โดยอาศัยภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือ ด้วยเหตุผลดังนี้

1.การทำซ้ำกระบวนการผลิตชิปนั้นยาก เมื่อเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เหมาะสม ตลาดแรงงาน และบรรทัดฐาน วิศวกรที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก อุปกรณ์หลายหมื่นชิ้น ตลอดจนผู้ผลิตวัตถุดิบ

2.สองฝ่ายต่างรู้ดีว่าหากภาษีศุลกากรขัดขวางไม่ให้สหรัฐได้รับเทคโนโลยีชิปขั้นสูงที่ต้องการ ก็จะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของประเทศ ดังนั้น อาจารย์เฉินไม่คิดว่าทรัมป์จะทำอย่างที่ขู่อย่างจริง ๆ จัง ๆ

3.ทรัมป์มีวาระดำรงตำแหน่งเพียง 4 ปี และจะต้องใช้เวลานานมากในการเปิดโรงงานเซมิคอนดักเตอร์และคัดลอกกระบวนการดังกล่าวจากต่างประเทศ

ดังนั้น ในมุมมองของอาจารย์เฉิน สถานการณ์ที่เป็นไปได้คือ รัฐบาลไต้หวันจะพยายามแสดงความเคารพต่อสหรัฐ โดยให้ข้อมูลที่ช่วยให้ทรัมป์สามารถแสดงความสามารถ และแสดงให้เห็นว่าจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์นั่นเอง

 

อ้างอิง :

Nikkei Asia

Bloomberg