
ญี่ปุ่นเสี่ยงภาระหนี้สูงถึง 35.3 ล้านล้านเยน ในอีก 4 ปี หลังธนาคารกลางมีแนวโน้มเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่นประมาณการว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีภาระหนี้เพิ่มเป็น 35.3 ล้านล้านเยน (ราว 7.72 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณซึ่งเริ่มต้นเดือนเมษายน 2028 (งบประมาณญี่ปุ่นเริ่มเดือนเมษายนถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป) จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นประมาณการว่า งบประมาณซึ่งเริ่มในเดือนเมษายน 2025 จะมีภาระหนี้คิดเป็น 1 ใน 4 ของงบประมาณประจำปี แสดงให้เห็นถึงภาระทางการเงินที่ตึงตัว ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องเผชิญ
เมื่อสัปดาห์ก่อน ธนาคารกลางญี่ปุ่นขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.5% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามนับตั้งแต่เพิ่มครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2024 นอกจากนี้ คาซูโอะ อุเอดะ (Kazuo Ueda) ยังส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต โดยชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังไม่เข้าใกล้อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง (Neutral Rate)
ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่ายจะแตะ 16.1 ล้านล้านเยน (ราว 3.3 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณเริ่มเมษายน 2028 เพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านล้านเยน (ราว 2.29 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณเริ่มเดือนเมษายน 2025
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังประมาณการอีกว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) จะอยู่ที่ 3% ในปีงบประมาณเริ่มเมษายน 2026 ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับ 2% ไปอีกสองปี
กระทรวงการคลังร่างงบประมาณปี 2025-2026 โดยวางอัตราดอกเบี้ยสะสม (Accumulated Interest Rate) ซึ่งใช้อ้างอิงภาระหนี้ไว้ที่ 2% บอนด์ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.2% กระทรวงการคลังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวแตะ 2.2% ในปีงบประมาณเริ่มเดือนเมษายน 2026 และขึ้นเป็น 2.4% และ 2.5% ในปีต่อ ๆ มา ทั้งยังคาดอีกด้วยว่ารายรับภาษีจะเพิ่มขึ้นเกิน 80 ล้านล้านเยน (ราว 17.45 ล้านล้านบาท) ภายในปีงบประมาณ 2026
เมื่อไม่นานมานี้ คัตสึโนบุ คาโต้ (Katsunobu Kato) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้แสดงความระมัดระวังต่อเงื่อนไขทางการคลังของญี่ปุ่น ว่าญี่ปุ่นมีระดับหนี้ต่อจีดีพีแย่สุดของโลก พร้อมทั้งแนะให้มีการปฏิรูปทางการคลัง เพื่อรักษาความเชื่อมั่นและความเป็นอยู่ที่ดีของพลเมืองญี่ปุ่น
แม้ไม่มีอัตราดอกเบี้ย สถานะทางการเงินของญี่ปุ่นยังคงตึงตัว เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นยังคงพึ่งพาการออกพันธบัตรรัฐบาล เพื่อชดเชยการใช้จ่ายภาครัฐที่สูงเกินกว่ารายรับภาษีมาหลายทศวรรษ ตามประมาณการของสำนักงานคณะรัฐมนตรี (Cabinet Office) ดุลการคลังเบื้องต้น (Primary Balance) ซึ่งไม่นับรวมภาระดอกเบี้ยจากหนี้สาธารณะ คาดว่าจะขาดดุลอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านเยน (ราว 9.82 แสนล้านบาท) หรือ -0.7% ของจีดีพี ในงบประมาณเริ่มเดือนเมษายนนี้
นั่นหมายความว่าญี่ปุ่นจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายงบประมาณสมดุลได้เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2026