รอยเตอร์เผย ญี่ปุ่นพิจารณาร่วมลงทุนโครงการท่อส่งก๊าซในสหรัฐ หวังเอาใจทรัมป์

Alaska ภาพโดย REUTERS/Shannon Stapleton
Alaska ภาพโดย REUTERS/Shannon Stapleton

รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของญี่ปุ่นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาร่วมลงทุนโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติในรัฐอะแลสกาของสหรัฐ และอาจทำข้อตกลงซื้อก๊าซเพิ่ม หวังเอาใจโดนัลด์ ทรัมป์ และป้องกันความขัดแย้งทางการค้า

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานในวันที่ 31 มกราคม 2025 โดยอ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นจำนวน 3 คนว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะเสนอการสนับสนุนโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,477,650 ล้านบาท) ในรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา โดยมุ่งที่จะเอาใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐ และป้องกันความขัดแย้งทางการค้าที่อาจเกิดขึ้น

แหล่งข่าวของรอยเตอร์เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่าทรัมป์อาจจะยกประเด็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ซึ่งเขาเคยกล่าวว่าเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของสหรัฐ ขึ้นมาหารือเมื่อเขาพบกับชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นครั้งแรกที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในสัปดาห์หน้า

แหล่งข่าวของรอยเตอร์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบอกอีกว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีข้อกังขาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติความยาว 800 ไมล์ ที่เสนอไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีความตั้งใจที่จะเชื่อมแหล่งก๊าซทางตอนเหนือของอะแลสกากับท่าเรือทางตอนใต้ ซึ่งก๊าซจะถูกแปลงเป็นของเหลวและส่งไปยังลูกค้าในเอเชีย เนื่องจากต้นทุนโดยรวมของก๊าซจะสูงเมื่อเทียบกับแหล่งอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็พร้อมจะเสนอตัวที่จะพิจารณาข้อตกลงหากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลสหรัฐ

แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจรวมคำมั่นสัญญานี้เข้ากับข้อตกลงอื่น ๆ เช่น การซื้อก๊าซจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น การเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศและการลงทุนด้านการผลิตในสหรัฐ เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่า 56,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,883,280 ล้านบาท) และป้องกันภัยคุกคามจากภาษีศุลกากร

ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้ร้องขอความคิดเห็นเกี่ยวกับการประชุมระหว่างผู้นำสองประเทศจากทำเนียบขาวแล้ว แต่ทางทำเนียบขาวไม่ได้ตอบกลับคำขอในทันที ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดคุยกันในประเด็นนี้

ADVERTISMENT

รอยเตอร์ระบุว่า หนึ่งในคำสั่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ลงนามในวันที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 คือ การให้คำสัญญาที่จะปลดปล่อยศักยภาพทางทรัพยากรธรรมชาติในอะแลสกา รวมถึงการขายและการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของอะแลสกาไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ในสหรัฐและประเทศพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ทรัมป์ได้วางกรอบให้โครงการก๊าซธรรมชาติเป็นชัยชนะของอะแลสกาและประเทศพันธมิตรของสหรัฐในภูมิภาคเอเชียที่กำลังมองหาแหล่งพลังงานที่มั่นคง แต่ประเทศญี่ปุ่นเข้าถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติเพียงพออยู่แล้ว และบริษัทพลังงานในญี่ปุ่นส่งออกก๊าซธรรมชาติไปมากกว่า 38 ล้านตันเมื่อปี 2024 ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการบริโภคภายในประเทศ

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม ท่อส่งก๊าซธรรมชาติของอะแลสกาอาจช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถกระจายความเสี่ยงออกจากแหล่งผลิตพลังงานที่มีความเสี่ยงอย่างประเทศรัสเซีย และประเทศในตะวันออกกลาง

นายกฯอิชิบะของญี่ปุ่นกล่าวในรัฐสภาในวันศุกร์ที่ 31 มกราคมว่า ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจำเป็นที่จะต้องลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล แต่ยังมีสิ่งที่ญี่ปุ่นควรขอจากสหรัฐ นั่นก็คืออุปทานพลังงานที่มีเสถียรภาพ ถึงอย่างนั้นก็ตาม นายกฯญี่ปุ่นไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่ได้กล่าวถึงโครงการท่อก๊าซอะแลสกา

ทางเจ้าหน้าที่ให้คำตักเตือนว่าอิชิบะอาจจะไม่สามารถที่จะให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการส่งก๊าซธรรมชาติได้ รวมไปถึงการลงทุนในโครงการอะแลสกาเมื่อเขาได้พบกับทรัมป์

นอกจากแหล่งข่าวสามคนแรกแล้ว มีเจ้าหน้าที่รัฐคนที่ 4 บอกกับรอยเตอร์ว่า นายกฯญี่ปุ่นจะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาอันแน่วแน่เกี่ยวกับก๊าซ LNG ได้ รวมถึงโครงการท่อก๊าซอะแลสกาด้วย เพราะข้อตกลงใด ๆ ก็ตามจำเป็นต้องมีการเสนอสิ่งแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมและมีความยืดหยุ่น ซึ่งรวมไปถึงการอนุญาตให้ผู้นำเข้าก๊าซในญี่ปุ่นสามารถขายต่อก๊าซธรรมชาติที่พวกเขาซื้อมาได้

ทั้งนี้ ในเรื่องภาษีศุลกากร หรือภาษีที่เก็บจากการนำเข้าสินค้า ซึ่งก่อนหน้านี้โดนัลด์ ทรัมป์ เคยเสนอมาตรการการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากต่างประเทศหลายรายการ แต่กลับเปิดเผยแนวทางการดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับประเทศญี่ปุ่นเพียงแค่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวก็ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงทางการเมืองในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรและเป็นนักลงทุนต่างชาติรายสำคัญของสหรัฐ เนื่องจากในช่วงการดำรงตำแหน่งวาระแรกของทรัมป์ ญี่ปุ่นเคยได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และความต้องการให้รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณสำหรับดูแลต้อนรับขับสู้กองทหารอเมริกัน