
ทรัมป์สั่งตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติภายใน 2026 เล็งซื้อ TikTok แม้จะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับแหล่งที่มาเงินทุน
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา เพื่อจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติภายในปี 2026 และอาจนำเงินจากกองทุนดังกล่าวมาใช้ในการเข้าซื้อติ๊กต๊อก (TikTok) ในสหรัฐ
คำสั่งฝ่ายบริหารที่ออกมามีรายละเอียดให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ส่งแผนกรอบการดำเนินงานภายใน 90 วัน ซึ่งประกอบด้วยคำแนะนำเกี่ยวกับกลไกการระดมทุน กลยุทธ์การลงทุน และโครงสร้างกองทุน
โดยทั่วไปแล้วกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติมักอาศัยงบประมาณส่วนเกินของประเทศมาใช้ในการลงทุน แต่ปัจจุบันสหรัฐกลับมีการดำเนินงบประมาณขาดดุล จึงต้องอาศัยความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเสียก่อนจึงจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้
ทรัมป์เคยเปรยถึงการจัดตั้งกองทุนแห่งชาติมาก่อนแล้วขณะที่ยังหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยอ้างว่าจะทำให้มีเงินทุนไปกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อาทิ ทางหลวง สนามบิน การผลิต และการวิจัยทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารไม่ได้เปิดเผยว่าแหล่งเงินทุนจะมาจากที่ใด แม้ทรัมป์จะเคยกล่าวไว้ว่า “อาจมาจากเงินภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น หรือวิธีอื่น ๆ ที่ฉลาดกว่านี้”
ด้านสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กองทุนดังกล่าวจะจัดตั้งขึ้นภายใน 12 เดือนข้างหน้า โดยจะนำสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีในงบดุลของสหรัฐมาใช้ในการลงทุน
หรืออีกแนวทางหนึ่งคือ ปรับให้บรรษัทการเงินระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาของสหรัฐ (U.S. Development Finance Corporation) หรือ DFC ให้มีบทบาทคล้ายกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติแทน ดังที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์เคยพิจารณาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดย DFC คือหน่วยงานของรัฐที่ร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดหาเงินทุนให้กับโครงการพัฒนาในประเทศกำลังพัฒนา
เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศเสนอเบนจามิน แบล็ก (Benjamin Black) หุ้นส่วนบริษัทการลงทุนฟอร์ตินบราส์ เอนเตอร์ไพรส์ (Fortinbras Enterprises) ลูกชายของลีออน แบล็ก (Leon Black) ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทจัดการสินทรัพย์อะพอลโล โกลบอล เมเนจเมนต์ (Apollo Global Management) ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงาน DFC
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงสร้างและการจัดหาเงินทุนของกองทุนความมั่นคงแห่งชาติยังคงไม่ชัดเจน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความเห็นว่า รัฐสภาอาจจำเป็นต้องอนุมัติเงินทุนใหม่ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีเงินส่วนเกินให้เบิกใช้ได้ คำสั่งดังกล่าวได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทบทวนความจำเป็นในการออกกฎหมาย