นักวิเคราะห์มองจีนเคลื่อนไหว สงครามการค้ายกนี้ไม่แรง ภาษีแค่กระบวนท่าต่อรอง

ธงชาติจีน และสหรัฐแสดงข้างกัน (ภาพ REUTERS/Dado Ruvic)

จากกรณีจีนตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยกำหนดเป้าหมายไปที่บริษัทอเมริกันไม่กี่แห่งและเรียกเก็บภาษีสินค้าบางรายการจากสหรัฐ ถือเป็นการตอบโต้ที่เงียบเชียบ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก

ทางการจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าพลังงานจากสหรัฐที่มีมูลค่านำเข้าต่ำกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ในอัตรา 15% (ราว 169,000 ล้านบาท) และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันและอุปกรณ์การเกษตรจากสหรัฐ ในอัตรา 10%  ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที หลังจากสหรัฐเริ่มใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าใหม่ในสินค้าทุกชนิดจากจีน วันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2025) นอกจากนี้ จีนยังจะเริ่มสอบสวนกูเกิล (Google) ในข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด แม้ว่าบริการค้นหาของกูเกิลจะไม่สามารถใช้งานได้ในจีนตั้งแต่ปี 2010 ก็ตาม

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรของจีนยังกล่าวอีกว่า จีนได้กำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับแร่หายาก (Rare Earths) อย่างทังสเตน เทลลูเรียม รูทีเนียม โมลิบดีนัม และรูทีเนียม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ ทั้งนี้ จีนควบคุมแหล่งแร่หายากที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในปริมาณมากของโลก

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า การตอบโต้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนดูเหมือนจะได้รับการคิดคำนวณมาอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของจีน ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าทรัมป์สามารถสร้างความเสียหายได้ในหลายด้าน รวมถึงการทำลายห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญและสร้างความเสียหายแก่บริษัทสหรัฐที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในจีน

การยับยั้งชั่งใจอดทนอดกลั้นดังกล่าว ประกอบกับการคาดเดาว่าสี จิ้นผิงอาจทำอะไรมากกว่านี้เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของจีน ทำให้ปฏิกิริยาในตลาดต่าง ๆ ค่อนข้างเงียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ส่งสัญญาณว่าต้องการพูดคุยกับผู้นำจีนก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ และโดยที่ภาษีจีนมีกำหนดจะเริ่มใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจทำให้มีช่องและเวลาสำหรับการเจรจา

ลินน์ ซอง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนที่บริษัทไอเอ็นจี (ING Bank) ในฮ่องกงกล่าวว่า ดูเหมือนเป็นการโต้กลับที่ค่อนข้างเงียบ อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่าพลังงานคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของการนำเข้าจากสหรัฐ อย่างไรก็ตาม มาตรการต่อบริษัทสหรัฐถือเป็นการเตือนสำหรับธุรกิจสหรัฐที่ต้องพึ่งพาตลาดจีน

ADVERTISMENT

ดีแลน โลห์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเมืองที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University) ในสิงคโปร์ กล่าวว่า การตอบโต้ของจีนนั้น มีการวัดผลและเหมาะสม ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้รัฐบาลจีนถูกมองว่ากำลังทำบางอย่าง และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยไม่โต้ตอบในลักษณะที่อาจถือได้ว่าเชื้อเชิญให้มีการตอบโต้ที่รุนแรงจากสหรัฐ และคิดว่าจีนก็เห็นสิ่งที่แคนาดาและเม็กซิโกทำเช่นกัน จากการเพิ่มความเข้มงวดด้านความปลอดภัยชายแดน โดยการปราบปรามผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารเสพติด ตามที่ทรัมป์ต้องการ เพื่อไม่ให้ทรัมป์บังคับใช้มาตรการภาษี และรู้ว่าจีนและสหรัฐยังสามารถปรับความเข้าใจกันได้ในระดับหนึ่ง

รายการภาษีศุลกากรใหม่ 2 รายการของจีนข้างต้นมีผลต่อสินค้าจากสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่ารวม 13,900 ล้านดอลลาร์ (ราว 470,000 ล้านบาท) ในปี 2024 โดยสินค้ามูลค่า 9,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 320,000 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงรถแทรกเตอร์และยานยนต์ที่ใช้งานได้จริงจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม 10% ในขณะที่สินค้ามูลค่า 4,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 140,000 ล้านบาท) เช่น ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติม 15%

ADVERTISMENT

สำหรับจีน มาตรการดังกล่าวดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่การเตือนถึงทรัมป์ โดยที่ไม่กระทบต่อการเข้าถึงสินค้าสำคัญของประเทศจีนเอง

เหวิน-ตี้ ซุง นักวิจัยประจำโกลบอล ไชน่า ฮับของแอตแลนติก เคาน์ซิล (Atlantic Council) องค์กรไม่แสวงหากำไรของสหรัฐกล่าวว่า การที่ทรัมป์พูดถึงช่องทางการสื่อสารโดยตรงกับประธานาธิบดีสี แสดงให้เห็นว่าภาษีศุลกากรนั้นเป็นเพียงกลยุทธ์ในการเจรจาเท่านั้น ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างถึงแก่นในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน  และจีนเข้าใจสารนั้นดี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมาตรการตอบโต้รอบล่าสุดจากจีนจึงดูเหมือนจะยังคงมุ่งเป้าและจำกัดขอบเขตที่เฟ้นเลือกมาเป็นพิเศษแล้ว